วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ปาย...ปาย กับ นายชินจัง @ Shiwadoi (Part II)



หลังจากเกือบจะหมดวันแรกไปกับการเมาขี้ตาแล้ว เราขี่มอเตอร์ไซด์มาที่ตลาดครับ คึกคักดีจริงๆ ร้านตั้งเต็มไปหมด แต่ไม่สกปรกนะ อากาศเย็นมาก 15 องศาได้มั้ง ตอนขี่รถออกมานี่ต้องใส่ถุงมือ ไม่งั้นไอ้นั่นต้องแข็งแน่ๆ ครับ เอ่อ...นิ้วมือนะครับนิ้วมือ ไม่ใช่อย่างอื่น ผมจอดรถที่บริเวณใกล้กับ สี่แยกปายหนาว แล้วเดินเข้าถนนคนเดินครับ มีร้านเยอะแยะไปหมด ขายอาหาร ของที่ระลึก เครื่องดื่ม ไวน์ผลไม้ ขายโปสการ์ด คึกคักสนุกสนานดี บรรยากาศที่นี่น่ารักครับ เหมือนทั้งเมืองร่วมมือกันจัดสไตล์เดียวกัน มิน่า เค้าถึงเรียกที่นี่เป็นเมืองแห่งความโรแมนติค ความน่ารัก ก็มันน่ารักจริงๆ นะ

เดินหาร้านกินข้าวกันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะเข้าร้านไหนดี ไปเจอร้านนึง บอกว่าเป็นหมูจุ่ม ก็เลยเอาซะหน่อย ก็มันหนาวอ่ะนะ ทุกอย่าง 19 บาท ถูกดีแฮะ เราสั่งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ ผักรวม แล้วก็ข้าวผัดกุ้งมากินกันครับ อากาศหนาวๆ ได้กินน้ำซุปร้อนๆ โอ้ว สุขโข สุขโข (แอบล้อเลียนนามสกุลคนบางคน อิอิ) หลังจากอิ่มแล้วเราก็ไปเดินเล่นกันต่อครับ มีเสื้อที่เป็นสัญลักษณ์ของปาย มากมายหลายแบบ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ ราคาไม่แพงเลยครับที่นี่ อ่อ...เสื้อตัวละ 139บาท ผมซื้อมา 1 ตัว แล้วก็กางเกงผ้าป่าน 1 ตัว 100 บาท เสื้อเด็กมาให้หลานอีก 1 ตัวราคา 99 บาทครับ



แวะกิน โรตีอาลี ครับเห็นคนเข้าคิวรอซื้อ เลยเอากะเขาด้วย โฮะๆๆ อร่อยดี แต่ผมกินนิดเดียวเพราะไม่ชอบกินหวานเป็นทุนเดิมครับ เราซื้อ บาร์คาดี้ เดินเล่นไปดื่มไป เจอ นักดนตรี เล่นดนตรี มีคุณตำรวจ มาเล่นกีตาร์ร้องเพลงแจมกะเค้าด้วย น่ารักดีครับ เราเดินดูทัวร์ที่จะไปเที่ยวพรุ่งนี้ด้วย ผมตัดสินใจซื้อ short trip ครับแค่ช่วงเช้า ตี5 ไปห้วยน้ำดัง ไปสะพานประวัติศาสร์ บ่อน้ำร้อน คอฟฟี่อินเลิฟ เสียค่าใช้จ่ายคนละ 200 บาทเท่านั้นครับ ผมว่าถูกนะ เหอะๆๆ จากนั้นเราก็กลับที่พักเข้านอนกันเพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า และผม...เกลียด...การ...ตื่น...เช้า

ตี 4 ครึ่ง คนขับรถนำเที่ยวก็โทรมาบอกว่าอีก 15 นาทีจะถึงหน้ารีสอร์ท พวกผมก็ขึ้นรถแล้วออกเดินทางไปรับผู้โดยสารคนอื่นๆ กันอีกสองที่ใกล้ๆ กันครับ จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ อุทยานห้วยน้ำดัง วิ้วววววววววววววว ทะเลหมอกๆ เกิดมายังไม่เคยเห็นกะเค้าเล๊ยยย วันนี้แหละ จะได้เห็นด้วยตาตี่ๆ อันดูดีของเราแล้ววววว







พอไปถึงเป็นเวลาประมาณ 6 โมงครับ พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นพอดี เราก็เฝ้ารอครับ คนเยอะแยะ มารอดูเหมือนกันกับเรา หนาวมากๆครับ ตอนนี้ผมต้องใส่หมวกไหมพรม ถุงมือ เสื้อโค้ช โอยขนาดนี้ยังสั่นเลยครับพี่น้องพูดกันนี่ ฟันออกปาก เอ้ย ควันออกปากเลย ประทับใจ T T พระอาทิตย์ขึ้นเรามองเห็นทะเลหมอก สวยจริงๆ มิน่าคนมากมายถึงยอม เหวี่ยงกันเกือบพันโค้ง เพื่อมาดูช่วงเวลาแบบนี้ มันประทับใจจริงๆ ผมรู้สึกคุ้มที่ได้มาครับ พระอาทิตย์ ทะเลหมอก สวนดอกไม้ อากาศหนาว พร้อมเครื่องดื่มอุ่นๆ มันสุดยอดจริงๆ ครับ

หลังจากชมทะเลหมอก ห้วยน้ำดังกันเสร็จแล้ว เราเดินทางต่อไป บ่อน้ำพุร้อน ไม่ไกลจากห้วยน้ำดังนัก ผมว่ามันเจ๋งนะ ที่ที่อากาศหนาวเย็น กลับมีน้ำร้อนธรรมชาติ แบบนี้ พอเราเดินเข้าไป ก็ไมไอน้ำอยู่ทั่วไป ดูแล้วน่าจะลงไปแช่น้ำจริงๆ ครับ น้ำอุ่นดี แถมใส มากๆ ด้วย แต่เราไม่มีเวลามากนัก เลยเดินชมรอบ ๆ เอามือ เอาเท้าจุ่มน้ำกันนิดหน่อย ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ แล้วเราก็มาขึ้นรถ เพื่อเดินทางต่อไปที่ สะพานประวัติศาสตร์ กันครับ

ไม่นานนักเราก็มาถึงสะพานประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลก เดินเล่นถ่ายรูป มีชาวบ้านขายของริมทางกันนิดหน่อย อากาศยังเย็นอยู่ ควันยังออกปากกันอยู่เลยครับ เดินเล่นถ่ายรูปกันจนพอใจ เราก็ขึ้นรถเพื่อไปต่อกันที่ คอฟฟี่อินเลิฟ ที่ผมได้ยินมานานว่า ต้องไปให้ได้ ถ้าไปปาย

ที่คอฟฟี่อินเลิฟ แม่เจ้าผู้คนหลายร้อยคน เฮโลกันถ่ายรูป อร๊างงง เข้าไม่ถึงตัวอักษรที่เป็นที่นิยมถ่ายรูป ผมเหลือบไปเห็นตู้โทรศัพท์สีแดงน่ารัก ๆ อยู่อันนึง ไม่มีคน เราเลยไปถ่ายรูปตรงตู้นั้นกันครับ ถ่ายไปสองสามภาพ คุณพระ ผู้คนตามมาถ่ายกันเต็มไปหมด แอรายก๊านนนนนน....มากันทำม๊ายย เราต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับมาที่ตัวอักษรใหญ่เบิ้มเพื่อรอคิวถ่ายรูปกันบ้าง กว่าจะได้ถ่าย และกว่าจะถ่ายได้เล่นเอาเหนื่อยกันเลย ผมได้ love มาคำเดียว T T เห้อ...คนเยอะ แต่ก็นะ ต้องเข้าใจ มันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้วนี่ คนไทยด้วยกันทั้งนั้น :) พวกผมเลยเข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปด้านใน ยังคงมองเห็นกลุ่มหมอกหนาเตอะที่บริเวณภูเขา ด้านหลัง สวยดีครับ

ที่นี่เป็นที่สุดท้ายของทริปสั้นๆ ตอนเช้าของเรา กลับไปถึง ชีวาดอย ประมาณ 11 โมง ยังทันได้กินอาหารเช้า พี่หอย รีบเรียกแม่บ้านมาเสิรฟ ข้าวต้ม ขนมปังปิ้งให้เรา ส่วนเครื่องดื่มมี ชา กาแฟ น้ำส้ม น้ำเปล่า แต่ต้องไปตักเองนะครับ พี่หอยก็ใจดีครับมาคุยทักทายกับเราว่าไปไหนมาบ้างเป็นยังไง อาหารพอไหม ถ้าไม่พอบอกได้ หลังจากเรากินอิ่มกันแล้ว เราคิดว่าเราจะพักกันสักพัก แล้วออกไปขี่รถไปวัดไหว้พระ และไปเที่ยวเล่นใกล้ๆ กันดีกว่า แต่ปรากฎว่า เผลอหลับกันจนบ่าย รีบวิ่งออกไปเช็คเอาท์ เพราะเราต้องย้ายไปห้องแบบแสตนด์ดาร์ดกันวันนี้ พี่หอยทักว่า "เอ่อ แหมมาพักผ่อนกันจริงๆ เลยนะครับ" มีความหมายลึกๆ ว่า "เมิงมากันทำมาย" 555 พี่เค้าไม่ได้ว่าอะไรที่เราเช็คเอาท์ช้า ออกแนวขำๆ เรามากกว่า พวกผมย้ายห้องกันเรียบร้อยก็ออกไปเที่ยวเล่นกันต่อครับ


ผมขี่รถไปน้ำตก หมอแปง ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่ไม่ต้องเดินเข้าไปลึก กว่าจะถึงน้ำตกหลงทางไปสองที ถามทางกับคุณป้าที่เดินอยู่ระหว่างทางคนนึง ว่า "อ่าขอโทษนะครับ น้ำตกหมอแปง ไปทางไหนครับ" ป้าแกหันมาตอบว่า "โอ๊ะ เลยมาและ ต้อย้อนก่าไป แล้วเลี้ย ซ้าย น๊าา" พร้อมกับยิ้มหวานๆ พูดไม่ชัด แต่น่ารักครับใจดีจัง ผมเห็นคุณป้าอีกคนด้านหลังกำลังซักผ้าอยู่ลิมทางจากน้ำที่ทะลักออกมาจากสายยางขนาดใหญ่ คิดในใจว่า เลยมาแล้วเหรอ น้ำนี่น่าจะสูบมาใช้จากน้ำตกแหงๆ เลย สูบขึ้นที่สูงกว่าเหรอ แปลกดี พวกผมขี่รถกันไปเล่นกันไปหัวเราะกันลั่นป่า ไม่รู้จะฮากันไปไหน แต่เราก็ยังหาทางไปน้ำตกไม่เจอ เลยแวะถามคุณลุงที่ทำสวนอยู่แถวนั้น แกบอกว่าให้ย้อนกลับไปทางเดิมเมื่อกี้ ยังไม่ถึงสักหน่อย อ่าวกำ...ตกลง ป้าแกสับขาหลอกผม หรือ แกคุยกะผมไม่รู้เรื่องเนี่ย 555 ขี่รถย้อนกลับไปหัวเราะกันไป





พอไปถึงน้ำตก ก็รู้สึกเย็น ขึ้นเลย เราซื้อไก่ย่างกับขนมนิดหน่อยไปนั่งกินกันครับ บริเวณน้ำตกมีคนเล่นน้ำอยู่นิดหน่อย บางคนเอาเบียร์มานั่งกิน แช่มันในน้ำนี่แหละครับ เหมือนแช่ตู้เย็น น้ำค่อนข้างน้อย แต่อากาศเย็นมากๆ หนาวเลยก็ว่าได้ นั่งกินกัน มีน้องหมา มาทำหน้าน่าสงสารขออาหารตัวนึง มองหน้ามัน เออวะ หมายังหน้าแนวกะเหรียงเลย 555 หน้ามันซื่อๆ ฮาๆ น่ะครับ แบ่งมันกินนิดหน่อย พวกผมก็ถ่ายรูปกันก่อนจะขี่รถกลับเพื่อไปวัดไหว้พระกันสักหน่อย

พวกเราไปไหว้พระที่วัดศรีดอนชัย มีพระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์ปาย) ในตัวเมืองปายนี่แหละครับ พอไปถึง พระท่านก็ให้ พระมาแล้วก็ให้รูปพระกับเรา บอกเราว่าทำบุญกันตามศรัทธา พระท่านจะรีบไปงาน แถว ๆ นี้ ต้องไปงานศพ หรืออะไรสักอย่าง พวกผมเลยทำบุญ ระฆังที่จะแขวนรอบอุโบสถ ไปครับ ถ้าใครไป แวะทำบุญที่วัดนี้ก็ดีนะครับ :) กำลังจะสร้างโบสก์ กันด้วยครับ

ออกจากวัดเราก็กลับไปที่รีสอร์ท เพื่อเก็บของ อาบน้ำ แล้วออกไปเที่ยวที่ตลาดกันใหม่ วันนี้คิดว่าจะไปกินข้าวที่ร้าน บ้านปาย เพราะคนขับรถนำเที่ยวแนะนำเรามาครับ ร้านบ้านปายอยู่ในตลาดคนเดินตรงข้ามกับธนาคารออมสิน มีอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารพื้นเมือง เราสั่ง ต้มยำกุ้ง(อันนี้ไปไหนก็สั่ง ผมชอบ) ผัดผักรวมมิตร ยำวุ้นเส้นหมูสับ ข้าวเปล่า และน้ำฝรั่งกับ แป๊ปซี่ กินกัน รสชาติดีครับ อร่อยดี บรรยากาศในร้านก็สบายๆ มีลูกค้าทั้งไทยทั้งฝรั่ง

จากนั้นเดินเล่นซื้อของฝาก ไปเจอร้านปริ๊นท์รูปถ่ายจากกล้องของเราให้เป็น Postcard ด้วยครับ เลยเอาสักหน่อย แผ่นละ 35 บาท 3 แผ่น 100 บาทครับ พอเราเดินเล่นกันจนพอใจแล้ว ก็กลับที่พัก เพื่อพักผ่อน กะว่าจะนอนให้สบายสักหน่อย แต่ว่า...ไอ้ห้องข้างๆ ครับ พี่น้อง ห้องข้างๆ มันคุยกันเสียงดังมากครับ ผู้หญิง 3 คนครับ โอ้วแม่เจ้า เม้าท์กันอย่างกับแม่คุณไม่เจอกันมา 3 ชาติ ไอ่นั่นกิ๊กใคร ไอ่นี่จีบใคร คุณเธอเม้าท์กันสนั่น ผมได้ยินเสียงชัดเจนขนาดว่า รู้ว่าพรุ่งนี้พวกคุณเธอทั้งหลายต้องตื่น 7 โมง เม้าท์กันตั้งแต่ 5 ทุ่มยัน ตี 1 เศษแล้ว ผมฟังเรื่องชีวิตครอบครัว การงาน ความรัก จนรู้ไปถึง เม็ดติ่งใน ตือโต๋ว ก็แล้ว...เธอก็ยังไม่หยุดเม้าท์กันครับ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดซะด้วย

ในที่สุดผมก็เริ่มโมโห คนจะนอนโว้ย เม้าท์ห่านไรสามชั่วโมงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เกิดมาไม่เคยได้เปิดปากพูดรึไง ทำงานก็ที่เดียวกันเมิงไม่เคยคุยกันเลยเหรอครับพี่น้อง คิดดูถ้ามันคุยกันไม่ดังจริงๆ จะรู้ห่านอะไรขนาดนี้ มันจะทนไม่ไหวแล้ว...และผมก็เลยพูดเสียงดังๆ ว่า "นอนกันซะทีเถอะครับ" เวลาตอนนั้นประมาณ ตี 2 แล้ว เจ๊ตตะม่อน กิน โทรโข่ง กันมาเหรอไงฟะ - -" พอผมพูดเสียงดัง พวกเธอหยุดพูดกัน 2 วิ แล้ว...แล้วแม่งก็คุยกันต่อ บระเจ้า ไอ่เม็ดติ่ง ไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว แม่งงงงงงงงง ผมพยายามทำใจเย็นอดทนต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้ง และพวกเธอยังคงเม้าท์กันต่อไป ผมเลยไปเคาะประตูเลยครับ ไม่ไหวแล้ว ไปเคาะประตูปั๊ป เสียงในห้องเค้าเงียบ...ผมเคาะอีก เสียงตอบกลับมาว่า "มีอะไร" ผมเลยตอบว่า "ช่วยลดเสียงคุยหน่อยได้มั้ยครับ ดังมากนอนไม่หลับครับ" เงียบ....ไม่มีเสียงตอบรับ แม่โทรโข่งทั้ง 3 ยังแอบคุยกันต่อแต่เสียงเบาลง แล้วผมก็หลับไป

แล้ว...7 โมง นาฬิกาพวก แม่โทรโข่งก็ดัง เสียงกรี๊ดกร๊าด ระหว่างแม่คุณทั้งหลายเตรียมตัวก็ดังขึ้น อารายก๊านนนน แสดดดดดดด ไม่รู้จะด่าอะไร อยากจะเอาข้าวขาหมู ไปยัดปาก ให้เงียบๆ กันไป ว่ะหะหะ ในที่สุดก็ไปๆ สักที พอไปพวกผมเลยได้นอนต่อกันอีกนิดหน่อย แล้วก็ตื่นสายกันอีกครั้ง 555 ตื่นมาเก็บของเช็คเอาท์ พี่หอยหัวเราะ บอกว่า "แหม...พักกันเต็มที่แล้วใช่มั้ยครับ" พร้อมรอยยิ้ม แม่งเอาอีกแล้วกูมาเพื่อนอนจริงๆ 555

ปาย...ปาย กับ นายชินจัง @ Shiwadoi (Part I)


สวัสดีคร๊าบบบบ ไปแรดมาอีกแล้วครับพี่น้อง คราวนี้ อาจหาญไปปาย ครั้งแรกในชีวิต ยังไม่เคยไปสักครั้ง ได้ยินชื่อเสียงมานาน ได้ฤกษ์ไปกับเค้าสักทีครับ ด้วยความที่รู้น้อยเรื่องทางเหนือมากๆ เพราะปกติมักเลือกไปแรดทางน้ำซะส่วนใหญ่ คราวนี้เลยต้องขอความรู้จากเพื่อนผู้มีประสบการณ์ เค้าแนะนำ รีสอร์ทที่ชื่อ ชีวาดอย (Shiwadoi) มาครับ ผมก็ตกลงตามนั้น

และแล้วก็ถึงวันเดินทาง วันที่ 11/12/09 เวลา 3 ทุ่มตรงครับ เดินทางโดยรถโดยสารของ นครชัยแอร์ เป็นครั้งแรกเหมือนกันครับที่ขึ้นรถแบบนี้ ประสบการณ์ใหม่ล้วนๆ กระผมประเดิมด้วยการลื่นล้ม กลิ้งโคโล่ในห้องน้ำที่ นครชัยแอร์ก่อนเลย โฮะๆๆ ต้องเปลี่ยน กุงเกง และ บ๊อกเซอร์ยกชุดเพราะเลอะเทอะไปหมด ไม่ใช่ความผิดใครนอกจากความน่ารัก(มั้ง)ของผมเอง เจ็บก้น ว่ะหะหะหะ

ขึ้นรถแล้วเราก็ตื่นเต้นทันทีครับ โอ้วแม่เจ้า คนขับรถแนะนำตัวอย่างสุภาพ พร้อมปฎิญาณตนจะพาผู้โดยสารทุกคนไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและตรงเวลา น่ารักดีครับ ทำไมคนขับรถเมล์ที่ไล่บี้คนในกรุงไม่ปฎิญาณบ้างน๊า เช่น...วันนี้กระผมจะไม่ขับรถบี้คนไส้แตกนะครับ อะไรแบบนั้น อิอิอิ เข้าเรื่องต่อดีกว่าครับ พอรถของเราล้อหมุน พนักงานดูแลก็เริ่มกันเลยครับ แต่งตัวเหมือน แอร์โฮสเตส เลยทีเดียว น่ารักๆ เดินมาแจกเครื่องดื่มครับ เริ่มต้นด้วย เลย์และน้ำผลไม้ สักพักประมาณไม่ถึง 10 นาที เธอก็กลับมา คราวนี้แจกข้าวกล่อง กับน้ำเปล่า 1 ขวด แล้วสักพัก...เธอก็กลับมา ให้ผู้โดยสารทิ้งขยะต่างๆ ลงถุงดำ กินกันอิ่มเลยครับ

เบาะของนครชัยแอร์ มีระบบ นวด ด้วยครับ เปิดเล่นกันสนุกสนาน เบาะเป็นระบบไฟฟ้า เอนตามสบายครับ มีผ้าห่มพร้อม ลำโพงฝังอยู่ในเบาะเลย สบายดีครับ ห้องน้ำบนรถก็สะอาดดี ตื่นมาก็ถึงเชียงใหม่ เป็นเวลา 6 โมงเช้าได้ครับ พนักงานดูแลก็กลับมาแจก ผ้าเย็นพร้อม แลกตาซอย อีกคนละกล่อง โอย แจกเยอะจริง รถจอดที่สถานีรถเวลา 6.30 พอดี ตรงเวลาจริงๆ ครับ อากาศหนาวมากตอนเช้าแบบนี้ ค่าโดยสารคนละ 605 บาทครับ



พอลงจากรถ เราถูกฝูงปิรันย่า เอ้ย คนขับรถรับจ้างเข้ามา มะรุมมะตุ้ม เสนอนั่นนี่โน่น โอยฟังไม่ทัน แต่คุณเพื่อนบังเกิดเกล้าของผมสั่งไว้ว่า..."ปายเลยเมิง ถึงสถานี เมิงนั่งรถตู้ไปปาย ไม่ต้องกระแดะนั่งรถอย่างอื่น" เสียงมันดังก้องในหัว โฮะๆๆ เราก็ไปจองรถตู้เพื่อเดินทางต่อไปยัง ปาย เค้าบอกว่าใช้เวลา 3 ชั่วโมง ระหว่างรอรถออกผมไปที่ร้าน DD Coffee กินไมโลร้อนๆ สักแก้วเพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเองซะหน่อย ตอนนี้ผมเริ่มใส่เสื้อโค้ดกันหนาวและปิดถึงคอแล้ว หุหุ ไม่คุ้นเคยกะอากาศหนาวเลยจริงๆ

พอได้เวลาผมก็มาขึ้นรถตู้ครับ ได้นั่งข้างหลัง เหวี่ยงกัน 3 ชั่วโมงเต็ม เดินลงจากรถที่จุดพักรถที อยากจะเต้น แทงโก้ ให้มันรู้แล้วรู้แรด โค้งเยอะมากๆ ครับ พอถึงจุดพักรถ ผู้โดยสาร ก็แห่กันไปแย่งกันเข้าห้องน้ำบ้าง ซื้อของกินบ้าง อ่อ อย่ารีบซื้อผ้าพันคอหรือของอะไรที่นั่นนะครับมีคนหลงผิด ซื้อผ้าพันคอ 80 บาท ไปเจอที่ปาย 4 ผืน 100 อิอิอิ แทบจะยืนร้องไห้หน้าร้านกันเลย 5555 ที่จุดพักรถมีผลไม้ขายครับ สดดี หมอกลงให้หนาวกันบะระฮั่ม แล้วเราก็ขึ้นรถไปเหวี่ยงกันต่อครับ และแล้ว....หลังจากผ่าน 3 ชั่วโมงสุดโหด เราก็มาถึง ปาย.........อร๊างงงงงงงง ไม่เคยมาเลย ไกลขนาดนี้ 762 โค้ง มาถึงเมืองในฝันจนได้ อิอิอิ



ลงจากรถปั๊ปกระผมก็แจ้นเข้าร้าน aya ไปเช่า มอเตอร์ไซด์ ตามคำสั่งคุณเพื่อนนะครับ วันละ 140 บาท + ประกัน รถหายและรถล้ม 80 บาท Aya ไม่ได้อ่านว่า อายะ หรือ อะยะ ผมได้ยินคนเรียกว่า อ๊ะหยา เหอะๆๆ น่ารักดีแฮะ ว่าแล้วก็หิวเลยหาอะไรกินแถว ๆ ตลาดซะเลย ด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย ก็เลยหาแบบมั่วๆ ผมกินข้าวแกงไม่เก่ง อาหารเหนือก็กินไม่เป็น แต่กระแดะอยากไป

ในที่สุดก็ตัดสินใจเข้าร้านแมวชมภู ที่มีอาหารแบบกลางๆ มีติ่มซำ และ ไข่กระทะ ไม่รู้จักหรอกครับ ไข่กระทะ แต่เห็นหน้าตาน่าจะกินได้ เลยลองดูสักหน่อย ผมสั่งไข่กระทะ กะ ข้าวซี่โครงหมูอบ กินกัน ไข่กระทะมีขนมปังกับเนยมาให้ด้วยครับ อร่อยดีเก็บภาพอาหารมาฝากกันนิดหน่อย ร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมสี่แยก ปายหนาว พอดีครับ ที่แยกมีป้าย "สถานที่ถ่ายทำ ปาย อิน เลิฟ" ตั้งไว้ เบ้อเร่อเลย คนถ่ายรูปกันคึกคัก เต็มไปหมด



หลังจากอิ่มกันแล้ว ผมก็เดินทางไป รีสอร์ท ชีวาดอย พอมาถึงเจ้าของก็ทักทายอย่างเป็นมิตรครับ ชื่อ พี่หอย พี่เค้าบอกว่า แขกยังไม่เช็คเอ๊าท์เลย ตอนนั้นประมาณ 11 โมงเศษๆ แล้ว พวกผมก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวไปเดินเที่ยวที่ตลาดสักพักจะกลับมาใหม่ พี่เค้าก็บอกว่าโอเคครับ แล้วเราก็กลับไปที่ตลาดอีกครั้ง เดินเล่นถ่ายรูปกัน แต่เนื่องจากเหนื่อยกะการเหวี่ยงบนรถมายาวนานตั้งแต่เมื่อคืน เลยอยากพักผ่อนกันมากๆ ครับ เรากลับเข้ามารีสอร์ทประมาณ บ่ายโมงเศษ ปรากฎว่า แขกเพิ่งจะออกจากห้อง พี่เค้าก็ขอโทดเราแล้วบอกว่า ขอเวลาทำความสะอาดก่อนให้เรานั่งรอก่อน พวกผมเลยหลับกันที่ โซฟารับแขกเลยครับโฮะๆ (แขกที่พักก่อนหน้าเรามันช้าจริงๆ แหละ ขนาดเรียงของขึ้นรถนะครับ บ่ายสองมันยังจัดกันไม่เสร็จ ผมไม่แปลกใจเลยที่เช็คเอาท์ช้า โฮะๆๆ)


หลังจากพนักงานทำความสะอาดเสร็จ พี่หอยก็ช่วยเรายกของเข้าห้องพัก คืนแรกเราจองห้องแบบ Family ไว้ครับ สวยดี มีโซฟานุ่ม ๆ แอร์ (เราใช้เกือบจะเป็นฮีตเตอร์แทน) เตียงนอนขนาดใหญ่และเตียงเล็ก ทีวี ตู้เย็น มินิบาร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องต้มน้ำ ไดร์เป่าผม ถือว่าเครื่องอำนวยความสะดวกครบเลย ห้องน้ำก็ทำน่ารักดีครับ เป็นประตูแบบบานสวิงสองบานเล็กๆ อยู่ลึกลงไปอีกระดับนึงของห้องพัก มีผ้าขนหนูสะอาดๆ พร้อมผ้าเช็ดผม แชมพู สบู่เหลว และสบู่ก้อนเล็กไว้ให้เรียบร้อย พวกผมหลับเป็นตายกันจนถึงหนึ่งทุ่มเลยถึงจะฟื้น เหอะๆ ตื่นมา งงๆ ชิหายละ ยังไม่ได้ลากตูดตัวเองไปเที่ยวไหนเล๊ยยยย ออกมาจากห้องพัก พี่หอยทักเราว่า "เอ่อ พักผ่อนกันเต็มที่เลยนะครับ" เรารู้สึกเหมือนกับพี่เค้าจะแซวว่า "เอ่อ เมิงมากันทำไมครับ" 5555

ตื่นมาสร่างอาการเมาขี้ตา เราก็หิวกันมากมายครับ เลยขี่มอเตอร์ไซด์ ไปตะลุยตลาดกัน ติดตามตอนหน้านะครับ

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กลับมาเยือน บ้านเฉลียงลม ณ เกาะล้านอีกครั้ง ที่บ้านไม้ขาว

จาก ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากเราออกเดินทางจาก พัทยา ข้ามมาเกาะล้าน ไปประสบพบเจอรีสอร์ทบริการห่วย เราก็จัดการย้ายตูดของพวกเราไปพักพิงที่ บ้านเฉลียงลม คุณสอง ผู้ดูแลบ้านเฉลียงลมมารับเราที่ท่าเรือ พาเรา 5 คนไปที่บ้านเฉลียงลม คราวนี้ผมได้พักที่บ้านไม้ขาวครับ ราคาที่พัก อยู่ที่ 2000 บาทครับ 2 ห้อง บวกกะ Extra 1 คน 200 บาท เป็นทั้งหมด 2200 บาทต่อคืน (เพิ่มจากเดิม 200 บาทได้ห้องอย่างดี 2 ห้อง) หุหุหุ


พอมาถึงที่พักก็ชื่นนนนนนนนนจาย ครับ อิอิ สวยดี บ้านหลังนี้มีสองห้อง ห้องหนึ่งสีชมพู อีกห้องสีฟ้า สีสันของห้องสดใสน่ารักดีครับ จัดไว้สวยเลยแล้วก็สะอาดมากครับ มีเครื่องทำน้ำอุ่น, ทีวี, ตู้เย็น, อ่างล้างจาน, มินิบาร์, ตู้เสื้อผ้า, เตียงสุดนุ่ม, โซฟาพักผ่อน, โต๊ะนั่งเล่นหน้าห้อง, แอร์, พัดลม ครบเลยครับ

มาดูห้องสีฟ้ากันก่อนเลยดีฝ่า (เพราะผมนอนห้องนี้ อิอิ) ห้องสีฟ้า ตกแต่งสวยครับใช้โทนฟ้าขาว ผมชอบ พอพวกผมเข้ามาถึงในห้องแทบอยากจะกระโดดลังกาเกลียวสามรอบครึ่งใส่เตียงนอนครับ น่านอนมากๆ แต่ว่า...ต้องถ่ายรูปก่อนๆ อดใจไว้พ่อหนุ่ม โฮะๆๆ


ส่วนห้องสีชมพู สีหวานสุดๆ เลยครับ สาว ๆ มาคงชอบน่าดู แล้วผมก็ชอบดู เอ้ย!! ไม่ใช่ๆ ชอบน่าดูเหมือนกัน มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบเหมือนห้องสีฟ้าล่ะครับ พวกผมเลยถ่ายรูปกันสนุกสนาน ผมขออนุญาตคุณสองไปถ่ายรูปตามห้องที่ว่างแล้ว คุณสองก็บอกว่าตามสบาย โอ้วเราวิ่งเข้านอกออกในกันให้ บะระฮึ่ม กันเลยทีเดียว หลังจากถ่ายรูปเสร็จ พวกเราก็ พักผ่อนกันตามลำบาก...อ่า ไม่ใช่ๆ ตามสบาย สักพักเราก็ ขี่มอเตอร์ไซด์ ไปเที่ยวหาดกันครับ ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซด์ 2 คัน 500 บาทครับ ใช้ได้จนถึงเรากลับ(พวกผมพักวันเดียวนะ)


ขี่รถตากแดดกันให้ดำเมี่ยมกันไป ไปถึงหาดเราก็แวะพักผ่อน ถ่ายรูปกัน พอมีรถก็ซ่าส์ล่ะครับ ไปมันทุกหาด(ที่ไปไหว) เรียกว่าขี่รถกันจนหน้าป้านกันเลยทีเดียว พอตกเย็นเราก็กลับมาที่พักเตรียมตัวไปกินข้าวเย็นกันที่ริมหาด ของบ้านเฉลียงลมครับ คราวที่แล้วมา ที่นั่งริมหาดยังไม่เยอะเท่าไหร่ มาคราวนี้เค้าปรับปรุงทำเพิ่มขึ้นมาอีกเพียบเลย ถึงจะยังไม่เสร็จดีแต่ว่าบรรยากาศดีมากๆ ครับ

เราสั่ง ปลาหมึกย่างกับกุ้งเผาอย่างละกิโล ราคาประมาณ 500 บาท(เนื่องจากดอง blog นานเลยจำไม่ค่อยได้ ความจำผมสั้น แต่ไอ้นั่นผมยาวนะ...ความรักน่ะ) เหล้าปั่น รส แอ๊ปเปิ้ล 2 เหยือก, สตอเบอร์รี่ 1 เหยือก เหยือกละ 120 บาท สั่งต้มยำทะเล ข้าวผัดทะเล กรรเชียงปู แต่ว่า อาหารไม่ได้ถ่ายรูปมา มีรูปแค่ กุ้งกะ ปลาหมึก เพราะนอกนั้น มัวแต่กิน ลืมถ่าย -"- ก็มันหิวนี่หว่า

หลังจากสวาปามกันเต็มคราบ ผมก็งัดไอ้นั่นขึ้นมาเล่น ว่ะหะหะหะ หยุด!! อย่าคิดลึก ผมหมายถึง ไฟเย็นกับพลุไฟน่ะครับ โฮะๆๆ เปิดช่องให้หน่อยล่ะ คิดลึกเลย(ผมนี่แหละคิด) พวกเรานั่งเล่นกันจนดึก จากนั้นก็เข้าที่พักเพื่อพักผ่อนกันครับ อ่อคืนนั้นฝนตกด้วย บรรยากาศโรวออนส์ เอ้ยโรแมนซ์ มากๆ ขอบอกๆ


ตื่นขึ้นมา พวกผมก็ถ่ายรูปกันอีกนั่นแหละครับ ขี่รถไปหาดอีกสองหาด คึกคักดี ฝรั่งเพียบเลย หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าที่พักเพื่อเก็บของเตรียมกลับกัน กว่าจะจัดของกันเสร็จเลยเวลาเที่ยงไปแล้ว ได้คุยกับคุณป้าที่ดูแลที่นั่นนิดหน่อย แกเล่าให้ฟังว่า ต่อเติมกันอีกยาวล่ะครับ แล้วบอกเราว่าตอนนี้คนจองกันเยอะ ห้องไม่พอรองรับ คุณสองบอกว่า ช่วงปีใหม่ที่นี่ก็ไม่ได้ขึ้นราคาอะไร แต่จองให้ทันละกันนะครับเหอๆๆ คุณสองไปส่งพวกผมที่ท่าเรือ ระหว่างทางมีแกล้งกันนิดหน่อย พี่แกแกล้งขับแบบชิดริมขอบทางท่าเรือแบบจวนเจียนจะลงไป สวิมมิ่งกันในน้ำ เรียกเสียง กรี๊ดกร๊าด จากสองสาวผู้ร่วมทางกับเราได้ไม่น้อย ส่วนผมน่ะเหรอ หุหุ ไม่ร้องสักแอะ(แต่มือน่ะเกร็งชิหาย นึกว่าจะร่วงแล้ว) อิอิอิ


ข้ามเรือกลับมาฝั่งพัทยา ด้วยความประทับใจ ในตัวคุณสอง ชายแท้ ล่ำๆ เห้ย...ไม่ใช่ๆ ประทับใจบ้านเฉลียงลม กับการต้อนรับอบอุ่นของเค้า ผมตั้งใจว่าจะกลับไปลองพักให้ครบทุกๆ ห้องเลย ว่ะหะหะหะ ถึงท่าเรือฝั่งพัทยา เราแวะซื้อไอติมมะพร้าว กับวุ้นมะพร้าว กินกัน อร่อยมากครับ คราวที่แล้วก็ซื้อกิน คราวนี้ก็ตั้งใจว่าจะต้องกินอีกให้ได้ ถ่ายรูปมาอวดกันนิดหน่อย ถ้ามีโอกาสไปลองชิมดูนะครับ อร่อยมากฟันเฟิร์ม

สรุปรวมค่าใช้จ่าย:
ค่าที่พัก 4000 บาท
ค่าน้ำมันรถ 1500 บาท (รวมค่ามอเตอร์ไซด์)
ค่าอาหาร 3000 บาท (โดยประมาณ สำหรับ 3วัน 2คืน)
ไม่รวมกระแดะเที่ยวกลางคืนอีก 1800 บาท
หาร 5 คน ตกคนละ 2000 บาท

ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.flickr.com/photos/shin69

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นอนตีพุง ที่ "นาเกลือ บีช รีสอร์ท" พัทยา ลั๊ลลา ลั๊ลลา

กราบสวัสดี ท่าน เขียดผู้มีแกก อีกครั้ง กลับมาแล้วกับ บล๊อก ดองเค็มๆ ที่เพิ่งได้ฤกษ์กระแทกนิ้วใส่แป้นมาลงบล๊อก เมื่อประมาณต้นเดือน ผมและคณะ ได้หิ้วตูดตัวเองไปเที่ยวพัทยา และเกาะล้าน อีกครั้ง ทำไมต้องพัทยา? ทำไมต้องเกาะล้าน? ก็มันใกล้ มันถูก และมันสวย และที่สำคัญ มันเรื่องของผม ว่ะหะหะหะ

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ กันตอนสายๆ วันเสาร์ เราแวะกินอาหารกันที่ จุดพักรถ ขอบอกตามตรงว่า "หมาไม่รับประทาน ผมก็ไม่แดกเหมือนกัน" ร้านสีออกส้มๆ หน่อย จำชื่อร้านไม่ได้ รสชาติห่วยบรมครับ ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวเป็ด เหลือไว้ทั้งชามคืนแม่ม ทั้งที่หิวนะนั่น แต่รสชาติกระเดือกไม่ลงจริงๆ แถมพอคิดเงิน โอ้ว...แพง และรสชาติ ห่วยแสด กาแฟแก้วละ 40 บาท ก๋วยเตี๋ยวชามละ 40 (คืนทั้งชาม กินไม่ได้จริง) กะว่าคราวหน้าคราวหลังผมจะกินมาม่าคัพจาก เซเว่น คงอร่อยกว่าร้อยเท่า



วันแรกที่ไปถึงพัทยา พวกผมพักกันที่ นาเกลือ บีช รีสอร์ท แถวๆ พัทยาเหนือ เป็นโรงแรมไม่ใหญ่ ไม่โต เนื่องจากน้องสาวแนะนำมาว่า เพื่อนเขาสามารถจองในราคาพิเศษได้ ผมก็เลยขอใช้โอกาสพิเศษกะเค้ามั่ง อิอิ... เราไปถึงโรงแรมเร็วกว่าเวลา เช็คอิน ปกติ พนักงานก็น่ารักครับ บอกว่าให้เรารอที่ล็อบบี้จะรีบเคลียร์ห้องให้ สักพักเราก็ได้เข้าห้อง ห้องที่เราจองไว้ เป็นชั้นล่างสุด อยู่ข้างสระน้ำ ซึ่งผมก็โดดลงสระน้ำจากระเบียงห้องนั่นแหละครับ สุขใจ โฮะๆๆ





ที่พักที่นี่ค่อนข้างสบายครับ ห้องสะอาด กว้างขวาง เตียงนุ่ม แอร์เย็น มีตู้เย็นเล็กๆ พร้อม มินิบาร์ และ...ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ พวกผมแช่น้ำอุ่นกันตัวเปื่อยเลยทีเดียว(กรุณาอย่าทะลึ่งนึกภาพ ผู้ชายนั่งแช่น้ำด้วยกันนะครับ ขนลุก) พักผ่อนกันสักพัก หลังจากเล่นน้ำกันพอใจแล้ว เราก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปแรด เอ้ย ไม่ใช่ๆ ไปเปิดหูเปิดตาครับ เที่ยวกลางคืนกันหน่อย โฮะๆ จำชื่อร้านไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วโอเคเลย มีโอกาสยืนลุ้น เชลซี ตบ กระบาล แมนยู ด้วย เฮกันลั่นร้าน สนุกดีครับ

กลับมาถึงห้องประมาณ ตี 2 พนักงานหน้าตางัวเงีย แต่ก็ยิ้มแย้มทักทายเรา เราก็เดินหน้าง่วงเข้าห้องไปนอนกัน พอตอนเช้า เราก็ออกมา ซัดอาหารเช้ากัน รายการอาหารคือ น้ำส้ม, ไข่ดาว, แฮม, ขนมปัง เนย แยม, ไส้กรอก, ชา, และกาแฟ เยอะครับ กินไม่หมด หลังจากกินกันเรียบร้อยเราก็จัดการเก็บข้าวของ เพื่อเดินทางต่อไปเที่ยวเกาะล้านกัน

ถึงจะพักที่นี่คืนเดียวแต่ผมก็ชอบการบริการที่นี่นะครับ ผมเปิดไอ่จุกอุดอ่างอาบน้ำไม่ออก เลยระบายน้ำออกจากอ่างไม่ได้ ไปเรียกพนักงานมาช่วยดูให้ เค้าก็รีบจัดการให้ ทำซะหัวเปียก เสร็จแล้วยิ้มให้บอกว่า "ซ่อมให้เรียบร้อยครับ" แหม่...ประทับใจรอยยิ้มผู้ชายก็ตอนนี้ 555 ราคาห้องพักตามปกติ เริ่มต้นประมาณ 1200 บาท ห้องติดสระน้ำก็ประมาณ 1500 บาท แต่ผมได้ราคาพิเศษ ขออนุญาตเก็บเป็นฟามลับ อิอิ ที่นี่ติดทะเลครับแต่ว่าลงเล่นน้ำไม่ได้ครับ อันตราย



สรุปโดยรวมแล้ว สุขใจกับที่นี่ เก็บภาพห้องพักและภายในโรงแรมมาฝากกันนิดหน่อย ถือว่าถูกใจเลยครับ คราวหน้าผมจะไปอุดหนุนเค้าใหม่ อ่อ ไม่ชอบอยู่อย่างเดียว ค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ตที่นี่ แพ๊ง แพงครับ ชั่วโมงละ 100 บาทมั้งถ้าจำไม่ผิด น่าจะให้คนเข้าพักเล่นฟรีนะเนี่ย -*-

โปรดติดตามตอนต่อไป...

ปล. Trip นี้ถ่ายด้วยกล้อง Canon คอมแพค แบบธรรมด๊า ธรรมาดา แต่ได้รูปสวยใช้ได้ เมื่อไหร่จะมีตังค์ซื้อกล้องใหม่สักทีน๊า ใครรู้ช่วยแนะนำกล้อง Canon ดีๆ สักตัว เอาราคาไม่แพงมากนะ ผมมันก็ยังมือใหม่

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ลารีน่า รีสอร์ท เกาะล้าน ยังไม่ทันเข้าพักก็ไม่ประทับใจอย่างแรง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผม หนี ไปเที่ยวพัทยามาครับ โดยจองโรงแรมฝั่งพัทยา 1 คืน และ ฝั่งเกาะล้านอีก 1 คืน คืนแรกผมนอนที่ โรงแรม นาเกลือ บีช จะทำ blog ตะหากทีหลังนะครับ คืนที่สอง เรามุ่งหน้าสู่เกาะล้านเพื่อไปเข้าพักที่ ลารีน่า รีสอร์ท เกาะล้าน โดยจองห้อง จอมเทียน บีช พร้อม extra bed ไว้ ความผิดพลาดมันเกิดขึ้น เมื่อเราไปถึงที่ สอร์ท พนักงานของ ลารีน่า รีสอร์ท บอกว่า เราจองห้อง ชมคลื่นไว้ พวกผมก็บอกว่า พวกผมจองห้อง จอมเทียน บีช ไว้นะครับ พร้อมยื่นเอกสารที่ทาง Agency มอบให้เราไว้ พอพนักงานดู เค้าก็บอกกับพวกเราว่า "แต่ที่ทาง Agency จองกับเราเป็นห้องชมคลื่น แล้วจำนวนเงินที่ทาง Agency โอนมามันก็ราคานี้แหละ"

ตอนนั้นยอมรับว่า โมโหครับ แม่ม..โอเคมันไม่ใช่ความผิดเมิงเต็ม ๆ แต่ว่า จะไม่ขอโทษกันสักคำ หรือ พูดอะไรให้มันรู้สึกดีกว่านี้เลยเหรอฟะ ผมก็เลยบอกไปว่า "อ้าว แล้วพวกผมต้องรับผิดชอบเหรอ ทางคุณคุยกับ Agency ไม่รู้เรื่องนี่นา คุณก็ควรเคลียร์กันให้เรา" (ผมพูดเสียงแข็ง ๆนะ) เพราะพวกผมโอนเงินให้แล้ว แล้วพวกผมก็มาตามที่จองกันไว้ มันไม่ใช่ความผิดเราเลย แต่ความผิดพลาดมันก็เกิดขึ้นได้ อันนี้ผมก็เข้าใจ แต่ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรสักนิดเลยเหรอครับ นอกจากโยนให้ Agency ตอนแรกจองไว้สำหรับ 3 คน แต่เพื่อนเกิดเปลี่ยนใจตามมาอีกสองคนว่าจะเปิดห้องเพิ่ม เลยต้องหยุดคิดกันก่อน

หลังจากนั้น พนักงานก็โทรติดต่อกับ Agency โทรกันไปโทรกันมา ระหว่างนั้น พวกผมบางคนขอดูห้องที่จะให้เราไปอยู่แทน ซึ่งจากที่ดูแล้วพบว่า ไม่ได้ดูดีอะไรเลย ดูจากในเว็บคิดว่าโอเคนะ พอไป เก้าอี้ หรือผนัง ดูเก่าๆ สีซีดๆ ไปหมด พอไปดูห้องคาดว่าน่าจะเล็กกว่าที่จองไว้ แล้วพนักงานบอกกับเราว่า พอดีมีคนอยู่ห้องที่เราจองไว้ แล้วคิดว่าไม่มีใครจองต่อ เลยอยู่ยาว พวกผมก็เข้าใจนะตอนแรกกะว่าจะยอมๆ ไป แต่สักพักคนของทาง ลารีน่า รีสอร์ท ก็โทรคุยกับน้องชายผม แล้วพูดประโยคเด็ด ๆ ว่า "ห้องไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ" ประมาณว่า เมิงจะเรื่องมากทำไม

แม่ม...ถ้าห้องไหนมันก็เหมือนกัน กรูจะจองล่วงหน้าไว้เชิญพ่องมากระทืบเล่นรึไงวะ อีกอย่างตอนแรกเมิงบอกเองว่า เงินที่โอนมามันก็ห้องนี้แหละ หมายความว่าไง ห่าน.... มันเสียความรู้สึกนะ เพราะผมเลือกจองห้องนั้นเพราะชอบห้องนั้น และผม "จ่ายเงิน" ไม่ได้มา "ขอข้าวเมิงกิน" แล้วที่สำคัญวันที่เราเข้าพักมันวันจันทร์นะครับ ไม่ใช่เสาร์ อาทิตย์ มันไม่น่าจะแน่นอะไร หรืออย่างน้อย ก็น่าจะพยายามแสดงความรับผิดชอบอะไรบ้าง เช่น เปิดอีกห้อง ลดให้สักร้อยสองร้อยผมก็พอใจนะ แค่อยากดูความรับผิดชอบ แต่ปล่าวเลย ยังจะเสือกพูดงี้อีก ผมเลยบอกน้องชายว่า เอางี้คุยกับทาง Agency ละกันว่าเราขอยกเลิก เพราะเราไม่ได้ผิดอะไร แต่ไม่ได้อย่างที่เราตกลงกันตอนแรก ทาง Agency ก็ขอโทษเราเป็นการใหญ่ พวกผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรนะ เข้าใจว่ามันเป็นความผิดพลาด ทาง ลารีน่า รีสอร์ท ก็ตกลงที่จะคืนเงินให้เรา (ก็ยังดี ถ้าอิดออดไม่คืน ผมก็ปรี๊ดกว่านี้) พอตกลงกันได้ ผมก็เลยพูดกับพนักงานดีๆ ว่า "โอเค งั้นผมขอโทดด้วยแล้วกันนะ ที่ทำให้ต้องเสียเวลา" สิ่งที่ตอบกลับมาคือ มันไม่มองหน้าครับ แล้วทำหน้ากวนตีนด้วยนะ เออแม่ง กรู จะ ขอโทษมันทำห่านไรวะ จากที่คิดว่าเห็นใจในความผิดพลาด(นิดๆ) กลายเป็นอยากกระโดดถีบหน้าถึงต้นตระกูลมันเลยทีเดียว

ผมเลยโทรไป หา คุณสอง ที่ดูแล บ้านเฉลียงลม ถามหาห้องพักสำหรับ 5 คน แล้วเราก็ตกลงเข้าพักที่ บ้านเฉลียงลมครับ ใน "ราคาเดิม" บวก 200 บาท เราได้บ้านน่ารัก ๆ หนึ่งหลัง สำหรับพัก 5 คน พร้อมบริการดีๆ ซึ่งถ้าเรายัง งมปลักควาย พักที่ ลารีน่า เราจะได้ "ห้องห่วยๆ" ใน "ราคาเดิม" และ "บริการส้นตีน ๆ" สำหรับแขก 3 คน อีก 2 คน ไปหาที่ซุกหัวเอง

ผมไม่ใช่พวก เจ้ายศเจ้าอย่างเรื่องมากอะไร ไม่ได้เห็นด้วยกับคำที่ว่า "ลูกค้าคือพระเจ้า" เพราะผมเอง ถ้าลูกค้างี่เง่ากวนตีนมากๆ ก็อยาก นวดหน้าด้วยฝ่าเท้าให้เหมือนกัน ลารีน่ารีสอร์ท อาจมี review ดี ๆ ให้ดูตามเว็บท่องเที่ยวหลายแห่ง ซึ่งตอนแรกผมก็อยากไปเพราะดู review คนอื่น ซึ่งเจออะไรดีๆ ผมอาจโชคร้ายเองที่บังเอิญ เจอ error(พนักงานห่วยๆ) ของที่นี่ แต่มันน่าคิดว่า "ผู้ดูแลที่มีอำนาจ" ได้รับรู้ หรือมองจุดนี้หรือเปล่า???

สรุปแล้ว เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ราคาแพง ไม่ได้บอก คุณภาพการบริการ"

ปล. ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ บ้านเฉลียงลม แม้แต่เศษสตางค์(อาจมีได้เสีย แถวๆ นั้นบ้างนิดหน่อย...ล้อเล่น อย่าคิดลึก) แต่อยากบอกว่า ผมจะกลับไปพักให้มันครบทุกๆ ห้องเลยคอยดู

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เมื่อผมเข้า msn ไม่ได้เพราะ 81000306



ประมาณสองสามวันก่อน ผม online MSN จากที่บ้านไม่ได้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็ไม่ได้ ลองกด Trouble Shoot มันก็บอกว่า IE Work Offline และให้ error code 81000306 มา อะไรวะ อารมณ์เสีย คล้ายกับ ไม่ได้ ถ่ายละคร (ขี้) มาสามสี่วัน หงุดหงิด ๆ เมื่อไหร่จะออนได้ ผมก็เลยถามพี่กู (google) ว่า ผมจะทำไงดี

แล้วพี่ google ก็บอกผมมาหลากหลายวิธี สารพัด ผมลองทำหมดเลยครับ แล้ว ผลของมันก็คือ... ไม่ได้ เจ๊ตตะม่อน!! เพิ่งรู้ว่า online MSN ไม่ได้ มันมีผลกับการใช้ชีวิตผมขนาดนี้ เล่น Twitter ก็แล้ว... BeJew ใน Facebook ก็แล้ว เกาตูด ถอนขนตูด ก็ทำแล้วยังรู้สึกเหมือนว่า...ชีวิตมันไม่สมบูรณ์ ฮือฮือ...MSN เมิงกลับมาหากรูเห๊อะ

หลังจากคอตก (ย้ำว่าคอ อ่านดีๆ) มาสองวัน ผมก็เลย search ถามพี่ google อีกครั้ง คราวนี้ใช้ keyword ภาษาอังกฤษเลย fix MSN 81000306 โอ้วววว คราวนี้ได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ เพราะจากที่หาภาษาไทยมา ทุกเว็บมันบอกเหมือนกันหมดเลย คือ copy แล้วไปโพสหลายๆ ที่ว่างั้น พอตอนนี้ได้เจออะไรแปลกใหม่ครับ ทำแค่ 4 ขั้นตอน ลอง sign in ใหม่ โอ้วววว พระเจ้ายอด มันจอร์ช มากเลย ใช้งานได้

เสียงเพลง ฮ๊าาา เล ลู ย่า ฮา เล ลู ย่ะ ฮา เล ลู ย่ะ ดังขึ้นในหัว ในที่สุด ผมก็กลับมาเกรียนบน MSN ได้อีกครั้ง ว่ะหะหะหะ แทบจะ ลุกมา สะบัด อวัยวะ กันเลย ทีเดียว วิธีแก้น่ะเหรอ?? ง่ายกว่าที่ผมเจอแรกๆ เยอะเลยครับ

วิธีแก้ MSN error code: 81000306

1. เลือก start แล้วเลือก Run...
2. พิมพ์ regsvr32 Softpub.dll แล้วกด enter
3. พิมพ์ regsvr32 Mssip32.dll แล้วกด enter
4. พิมพ์ regsvr32 Initpki.dll แล้วกด enter (อันนี้รอนานกว่าสองอันแรกนะครับประมาณ 30 วินาที)

แล้วก็ลอง sign in ใหม่ครับ ไม่ยากเลย จากเว็บที่ผมอ่านมา เค้าบอกว่า ถ้าหากทำตามนี้แล้วยังไม่ได้ ให้เราใช้ Registry cleaner เพื่อปรับปรุง พวก error ต่างๆ น่ะครับ Download Register ได้จาก Registry Easy

หากใครเจอ error แบบเดียวกับผม ลองทำดูนะครับ ถ้าได้ผลยังไงบอกผมด้วยนะ :)

Credit: http://msn-errors.blogspot.com/search/label/error code 81000306

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

AIS ครับ เรื่องเบอร์สวย 9000600 คุณจะรับผิดชอบอย่างไร?

ผมได้อ่านเรื่องราวของคุณ 9000600 จาก puntip.com ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีที่ เขา ถูก AIS ยึดเบอร์โทรศัพท์คืนไปโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เรื่องราวก็ตามนี้ครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------

"ช่วยด้วยครับ!!! เบอร์ One Two Call ผมถูกขโมยซึ่งๆ หน้า โดย.............."

ผมใช้เบอร์ วัน ทู คอล นี้มาประมาณสามปี 08X9000X00 ผมเติมเงินจนมีวันใช้งานจนถึงปี 2010 และผมไม่ได้ใช้งานประมาณเดือนกว่าๆ แต่พอผมเอากลับมาใช้ ปรากฏว่า ซิมหมายเลขนี้ ไม่มีในระบบ GSM คือซิมไม่สามารถใช้การได้

ผม จึงโทรเข้าใน AIS Call center 1175 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 เวลาประมาณ 14.00 น. พนักงานแจ้งว่า เบอร์นี้ไม่มีในระบบแล้ว ผมก็เลยถามว่า ทำไมเบอร์ผมถูกดึง
กลับ ทั้งที่มันไม่นานเลย และผมก็จำได้ว่าเติมเงิน จำนวนวันที่ใช้งานได้ไปจนถึงปีหน้า ซึ่งผมก็ได้ขอร้องให้ช่วยดึงเบอร์กลับ เพราะว่าผมได้ลงทะเบียนไว้ตั้งนาน พนักงานแจ้งว่า "ยังไงก็ไม่ได้ครับ เบอร์นี้น่าจะนำกลับมาขายใหม่ ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า จะถูกขายที่ภูมิภาคไหน"

และ พนักงาน Call center ได้แนะนำให้ไปติดต่อที่ศูนย์ AIS เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เพราะว่าเป็นศูนย์ใหญ่ของ GSM เพื่อทำการขอจองเบอร์นี้ไว้ก่อน เผื่อมีการกลับมาขายใหม่

แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝัน ก็เกิดขึ้น ผมไปถึงที่ศูนย์ AIS เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า วันที่ 28 ตุลาคม เวลาประมาณ 19.00 น. และผมได้ทำการสอบถามถึง เบอร์ของผม 08X9000X00

แล้ว พนักงานที่น่ารักมากๆ ก็ตอบผมมาด้วยเสียงอันไพเราะ แต่ทำให้ผมหน้าเจื่อนสุดๆ ว่า เบอร์ถูกเปิดบริการไปแล้วนะค่ะ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 เวลา 18.00 น.

ผมจึงถามพนักงานว่า " มีชื่อคน เปิดบริการหรือเปล่าครับ " พนักงานก็ตอบว่า " ยังไม่มีค่ะ ยังไม่ได้ลงทะเบียน แต่ถูกเปิดเมื่อวานนี้ เวลาหกโมงเย็น "

ซึ่ง เวลาได้ผ่านไป หลังจากที่ผมแจ้งทาง Call center 1175 ผ่านไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง เบอร์นี้ได้ถูกดึงกลับมาใช้งานในระบบ GSM อีกครั้ง โดยใครก็ไม่รู้!


ผมอยากได้เบอร์นี้คืนมากๆ เพราะมันมีความหมายกับผมมากๆ ( ดูจากชื่อล็อคอินของผมก็ได้ ) ถ้าพวกพี่ๆ Call center Panda Japan ในห้อง MBK ได้เข้ามาอ่าน กรุณาช่วยผมด้วยนะครับ

ขอคำแนะนำจาก พวกเพื่อนๆ พี่ๆ ว่าผมควรจะทำยังไงดี ผมอยากได้เบอร์นี้คืนครับ

อ่านแล้ว ช่วยโหวตให้ผมด้วยนะครับ ผมรู้สึกแย่มากๆ ไม่คิดว่า จะถูกขโมยเบอร์ซึ่งๆหน้าขนาดนี้"

-----------------------------------------------------------------------------------


หลังจากอ่านจบรวมอ่านการตอบของ Call Center แล้ว...อยากบอกว่า
"ระบบผิดพลาด พ่องสิครับ"
"หาทางออกร่วมกัน พ่องสิครับ"
และ
"เสนอเบอร์ใหม่...ทำไมครับ ถ้าเค้าไม่อยากได้เบอร์เก่าคืน จะตั้งกระทู้หาพ่องเหรอครับ"

ป่านนี้ พ่องนั่งสะดุ้งแล้วครับ ระบบใหญ่ที่สุดในประเทศ ทำไมทำตัวเยี่ยงโจรล่ะครับ

"คืนเขาไปนะครับ อย่าทำนิสัยโจร มันไม่ดี เคยมีคนสั่งสอนมั้ยครับว่ามันไม่ดี"

ผมเขียนบล๊อกนี้ ไม่ได้เอาอะไร แค่อยากร่วมเป็นอีกหนึ่งเสียง (ถ้ามันช่วยได้) คืนเบอร์ให้เจ้าของนะครับ อย่าทราม ขอร้อง ทุ่มงบหมื่นล้าน โปรโมต สร้างภาพตัวเองก็เท่านั้นครับ เรื่องนี้มันกระจายเหมือนไฟลามทุ่ง ผมก็อยากจะรู้ว่า คนตัวเล็กๆ ใช้กระบอกเสียงอินเตอร์เน็ตอย่างพวกผม จะทำให้พวกคุณ สะดุ้งตีนได้รึป่าว

สุดท้ายนี้ ในฐานะที่คุณเป็นเบอร์หนึ่ง AIS ครับ คุณจะรับผิดชอบกรณีนี้อย่างไร???

แหล่งที่มา : http://www.pantip.com/cafe/mbk/topic/T8483961/T8483961.html
และ ขอให้คุณ 9000600 ได้เบอร์คืนนะครับ

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวน้ำตก อย่าลืมสังเกตน้ำป่าไหลหลากนะครับ


ผมเป็นคนนึงที่ชอบท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อย่างทะเล และ น้ำตก ชอบมากๆ เลยครับ และในช่วงอากาศแบบนี้ เรามักกังวลเกี่ยวกับน้ำป่าไหลหลากใช่มั้ยครับ วันนี้ผมเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีสังเกตน้ำป่าไหลหลาก เวลาเที่ยวน้ำตก หรือ ป่าเขา อย่างน้อยก็ช่วยให้เราระวังตัวได้มากขึ้น แถมไม่อดไปเที่ยวด้วย เพราะถ้ามัวแต่กลัว คงไม่มีวันได้ออกไปเปิดโลกกว้างแน่นอน


ทีนี้เมื่อไปเที่ยว น้ำตก เราควรสังเกตุอะไรกันบ้าง หากมีสัญญาณต่อไปนี้ควรรีบขึ้นจากน้ำตก นะครับ

1. ฟ้าฝนครึมๆ เหมือนฝนจะตก

2. เสียงน้ำดังขึ้นกว่าเดิม จะดังมาจาก ไกล ๆ ก่อน

3. น้ำตกมีน้ำเพิ่มขึ้น (แต่ลาบไม่เพิ่ม...แม่งกูจะตลกไปไหนวะ)

4. อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนไป

5. สีของน้ำกลายเป็นสีแดงหรือขุ่นขึ้น สีอมเทา (ดูดี ๆ อาจมีคนขี้แตกอยู่ใกล้ ๆ อันนั้นไม่ใช่ แต่ให้รีบขึ้นเหมือนกัน)

6. สังเกตทางขึ้น ทางลง ไว้เผื่อฉุกเฉิน

7. สังเกตอากัปกิริยาของสัตว์ หากจะเกิดอันตรายสัตว์ป่ามักจะแตกตื่นและหนีออกมาจากป่าจนผิดสังเกต

8. หินกลิ้งลงมาตามลาดเขา สังเกตให้ดี ถ้าพบว่าเด็กเอาหินมาปาเล่นให้กระชากคอแล้วบอกว่า "กูไม่ใช่นางสาวไทย" แต่ระวังพ่อมันอยู่ใกล้ ๆ จะกลายเป็นเราเลือดออกปากแทน

9. มีเศษไม้ กิ่งไม้ เศษดิน กรวด ไหลมากับน้ำ

จากที่หาข้อมูลมาแบ่งปันข้างต้น คงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ เที่ยวกันให้สนุกและปลอดภัย สบายใจ โฮกๆ

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เวลาคุณท้อแท้ใจ คุณทำยังไง?

คนธรรมดาๆ ทุกคน คงหนีไม่พ้นช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่า คุณหมดแรงที่จะเดินต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ความรัก การงาน การเงิน คนเรามันก็คิดมากท้อแท้ได้กับทุก ๆ เรื่องแหละครับ อยู่ที่ใครให้ความสำคัญกับอะไร

ผมเองก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ที่ท้อแท้ใจเป็น เสียใจและผิดหวังก็บ่อยครั้ง ล้มลุกคลุกคลานก็มีบ้าง บางครั้งผมลุกขึ้นยืนได้ใหม่ เพราะปัญหามันไม่ได้ใหญ่นัก เกินกว่าที่คนเดินดินคนนึงจะจัดการแก้ไขมันได้ แต่ในเวลาที่เจอกับอุปสรรคอันใหญ่หลวง ปัญหาที่ผมไม่สามารถแก้ไขมันได้ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ผมเชื่อว่า ในชีวิตของคนทุก ๆ คน ต้องเคยเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้มาแล้วทั้งนั้น

เคยไหม....คุณอาจจะเคยเจอความรักที่ผิดหวัง คุณพยายามให้ตาย คนที่คุณรักกลับไปรักคนอื่น
เคยไหม...คุณอาจจะเหนื่อยแทบเป็นแทบตาย แต่สุดท้ายคุณกลับไม่เหลืออะไร
เคยไหม...คุณอาจจะติดหนี้สินพะรุงพะรัง จนคุณไม่รู้ว่า ชาตินี้ คุณจะหามาใช้คืนเค้าได้ยังไง
เคยไหม...หรือคุณอาจจะสูญเสียสิ่งที่รัก คนที่รัก ที่จากไปแบบไม่มีวันกลับ
และเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้รู้สึกว่า...คุณไม่รู้ว่าคุณจะมีวันพรุ่งนี้อีกมั้ย จะหายใจต่อไปยังไง จะก้าวต่อไปยังไง บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณจะพูดอะไรออกมา


ในเวลาที่คุณต้องนั่งกุมขมับ ในเวลาที่คุณต้องร้องไห้ฟูมฟาย ในเวลาที่คุณจุกจนพูดไม่ออก แต่คุณกลับมองไม่เห็นใครสักคนที่จะเคียงข้างคุณ จนรู้สึกได้ว่า...พอกันที ไม่อยากเดินต่ออีกแล้ว หรือบางครั้ง ถึงขั้นคิดสั้น!

ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า...โลกเรายังไม่แตก คุณยังหายใจได้อยู่ ผมเคยมีโอกาสได้ดู VDO ที่ผมเชื่อว่าดีที่สุดที่ผมมีโอกาสได้เห็น วีดีโอที่จะทำให้คุณหันกลับมามองชีวิตของคุณใหม่ ลองดูกันนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่า ชีวิต ยังมีอะไรอีกเยอะ :)


ครั้งแรกที่ได้ดู ผมบอกตรงๆ ว่า ผมรู้สึก ทึ่ง และ อับอายกับความอ่อนแอของตัวเอง Nick Vujicic ทำใ้ห้ผมรู้ว่า ความเข้มแข็ง จิตใจที่แข็งแกร่ง ความพยายาม และชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างไร ด้วย VDO สั้นๆ ไม่กี่นาที ถึงผมและเค้าจะไม่รู้จักกัน และคงไม่มีโอกาสได้เจอกัน แต่ผมชื่นชม และ นับถือ เค้าอย่างจริงใจ

ดูแล้วผมหวังว่าคุณคงได้ข้อคิด และ กำลังใจใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเจออะไรอย่ายอมแพ้นะครับ ชีวิตของพวกคุณทุกคนมีค่า ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร จะรวยหรือจน พวกคุณมีค่า อย่าหยุดแค่เพราะว่าวันนี้คุณท้อแท้ สู้กับปัญหา อย่างที่ Nick ทำให้เห็น แล้วเมื่อคุณผ่านมันไป มองย้อนกลับมา คุณจะรู้ว่า ปัญหา มันไม่ได้ใหญ่เหมือนที่คุณเคยคิด

ขอบคุณที่อ่านจนจบ วันนี้ ผมไม่มีความฮามาให้ แต่ผมมีกำลังใจมาฝากครับ :)

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

มินิบัส สุดยอด เทคโนโลยี Adominizer!!!


บ่อยครั้งเวลาที่ว่าง ผมมักนึกถึงเรื่องราวสมัยยังเป็นนักเรียน เรื่องนึงที่ผมมักคิดขำในใจบ่อย ๆ คือ เรื่องการเดินทางไป มหาลัย เมื่อก่อนบ้านผมอยู่สำเหร่ครับ แล้วผมไปเรียนที่ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้า ธนบุรี แรก ๆ ผมใช้บริการ รถยูโร สาย 21 จากบ้านสายเดียวไปถึง ม.เลย แต่ว่า ผมตื่นสายบ่อยครับ เข้าคาบเช้าไม่ค่อยทัน วันนึงเลยไปขึ้นรถที่ ป้ายโกวบ้อ ตรงแยก มไหสวรรค์ ซึ่งจะมีรถเมล์หลายสายกว่าครับ และที่ขึ้นชื่อว่าเร็วที่สุดก็คือ 75 คันเล็กครับ มินิบัส นั่นเอง คันเล็กๆ สีเขียวๆ ผมเรียกรถแบบนี้ว่า แอดโดมิไนเซอร์ครับ

คุณประสบปัญหากับการจราจรไทยใช่หรือไม่? คุณอยากไปถึงจุดหมายให้เร็วใช่รึป่าว? วันนี้ เราขอเสนอ 75 Adominizer คือ พาหะนะ ยุคใหม่ ไม่ซ้ำแบบใคร(หมายถึงหาไม่ได้ในประเทศอื่น) สั่งซื้อตอนนี้!! คุณจะได้สิทธิพิเศษ เสี่ยงภัยก่อนใคร และอาจได้โชคสองชั้นตายฟรีไม่มีประกัน

เข้าเรื่องดีฝ่า...ผมขึ้นรถ 75 Adominizer พร้อมเพื่อนที่บังเอิญเจอกันที่ป้ายรถเมลล์ ตอนที่เราขึ้นรถ ในรถคนแน่นแล้ว แต่จำเป็นต้องไปครับ พอพวกผมขึ้นรถไป เราก็ได้พบกับกระเป๋ารถเมลล์ในเครื่องแบบสุภาพตามมาตรฐาน (เสื้อเชิ้ตเก่าๆ สีกรม ไม่สอดในกางเกงสีกรม มีลายคราบขาวๆ ทั่วตัว พร้อมด้วยรองเท้าแตะหูหนีบสุดหรู บางคนอินเทรนด์หน่อยจะพับขากางเกงสองข้างไม่เท่ากัน โชว์ขนหน้าแข้งให้เราได้ดูกันไป

หันไปดูคนขับกันบ้าง คนขับรถ Adominizer มีเอกลักษณ์มากครับ เค้าคัดหน้าตาด้วย คุณจะเป็นคนขับไม่ได้เลย ถ้าหน้าคุณไม่โหด คุณต้องขับรถมือเดียวได้ เพราะมืออีกข้างคุณต้องถือบุหรี่ครับ ไม่งั้นผิดคอนเซป ส่วนเรื่องยูนิฟอร์มนั้น ไม่แพ้กระเป๋าแต่อย่างใด แต่จะมีความเป็นเพลย์บอยมากกว่าหน่อย ตรงที่ จะปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ต โชว์อก มีคราบคล้ายๆ กัน และใส่รองเท้าเหมือนกันครับ

พวกเรายืนเบียดเสียดกันอยู่บนรถ กระเป๋าก็ตะโกนบอกครับ "ชิดในหน่อยๆ เพ่" เชื่อมั้ยครับว่า เรายืนกันแบบ ปลายเท้าต่อกันเลยทีเดียว เรียกว่า ใครตดออกมายังไม่มีสิทธิ์จะหันหนีเลย ยืนติดกันสุดๆ ครับ แล้วนรกก็มาเยือน เมื่อไปถึงป้ายถัดไป กระเป๋าโดดลงไปโบกเรียกผู้โดยสารด้วยเสียงอันสุภาพ(น้อย)ว่า "ในว่าง พี่ ในว่าง" ผมได้ยินอย่างนั้นหันไปก็มองหน้ากันกับเพื่อน ไอ่ชิบหาย ว่างยังไง กูจะได้เสียกันอยู่แล้ว คนที่ยืนใกล้ ๆ คงคิดแบบเดียวกันกับผม ผมได้ยินเค้าพูดกับเพื่อนว่า มึงขึ้นขี่คอกูมั้ย 555 คิดเอาละกันว่ามันแน่นขนาดไหน ตอนนี้เราเกือบจะบรรลุ คลาส บัลเล่ย์ กันเลย เพราะแทบจะยืนด้วยปลายเท้า แต่กระเป๋าก็เก่งนะครับ แม่งเก็บตังค์ครบทุกคน มุด ๆๆ อย่างกะมี เชื้อพยาธิ ในตัว ไปซะทุกซอก พอเก็บเงินครบ เค้าโผล่หน้าออกไปนอกรถ ห้อยออกไปครึ่งตัวหายใจ ขณะที่ผู้โดยสาร แทบจะไม่มีอากาศหายใจ

อัดกันมาได้สักพักถึงบริเวณ ถนนสุขสวัสดิ์ สิ่งที่ทำให้ผมอึ้งก็เกิดขึ้น เมื่อ Adominizer คันที่กระผมขึ้น ไปซัดเข้าท้ายรถ ของรถเก๋งที่จอดอยู่ริมทางเข้าบริเวณ กันชนท้ายฝั่งซ้ายดังโครม ทุกคนอึ้งแล้วหันไปดู ผมยืนอยู่ใกล้ประตูทางลงหลัง กระเป๋ารถที่อยู่ตรงประตูหน้าตะโกนว่า "ไม่เป็นไร ไปเลย" คนขับก็ออกรถ อย่างเร็วแบบ สปีดท้านรก ทั้งที่รถติด ช่วงที่รถออกตัวผมเห็นไฟท้ายรถคันที่ถูกชนห้อยลงมา โอ้ว แม่เจ้า ไฟท้ายห้อยออกมาทั้งยวง เมิงบอกว่าไม่เป็นไร ต้องให้ล้อหลุดกระเด็นไปโดนหัว พ่อง เหรอไงฟะ ถึงจะเป็นอะไร ไอ้บ้า คนบนรถแอบกระซิบกัน "เห้ยๆ มึงเห็นป่ะ แม่งหลุดเลย"

จากนั้นเราก็สนุกสนานปานนั่งรถไฟเหาะตีลังกา สะบัดซ้ายสะบัดขวา ให้แตงโม ป้าที่นั่งเบาะหลังหลุดมือกลิ้งหายไปตามพื้นรถ ตอนใกล้ถึงมหาลัย แตงโมกลิ้งกลับมาหาป้า ป้าดีใจมากกกกกกก แต่แตกแล้วนะ ว่ะหะหะหะ เรียกว่าแขนเราได้กล้ามกันเลย เพราะขับรถได้ฉวัดเฉวียน สุด ๆ ครับมืออยู่กับที่ เกาะราวเอาไว้ นอกนั้น ตัวจะหมุนคว้างสะบัดไปตามพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายให้พอเมื่อยเล่น คิดดูครับ ยืนด้วยปลายเท้า มือจับราวด้านบน หัวต้องระวังโขก เวลาที่รถขึ้นลงสะพาน เลี้ยวสะบัดทีต้องคอยลากคนที่จะตกลงบันไดรถไป เรียกว่า ผู้โดยสารต้องช่วยเหลือกัน ถึงจะไปยังด่านสุดท้าย ได้เข้ารอบกันทุกคน

ลงจากรถที่ป้ายรถหน้ามหาลัย ผมแทบอยากจะก้มกราบแผ่นดิน จูบพื้นสักหนึ่งที ประหนึ่งว่าผมเป็น นช.ที่หนีไปต่างแดน ว่ะหะหะ มันดีใจนะครับที่ได้สัมผัสพื้นอีกครั้ง ผมกับเพื่อนเสียศูนย์นิดหน่อยตอนลงมาแรกๆ ยังเดินจิกปลายเท้ากันอยู่เลย 555 เพราะมันเร็วเหนือนรก เสี่ยงสุดๆ และไม่มีการรับรองความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น ผมเลยเรียกมันว่า 75 Adominizer ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

สนใจลองขึ้นได้ที่ป้ายโกวบ้อ และตอนนี้ คุณสามารถ ลิ้มลอง ความสามารถของ Adominizer ได้ทั่วกรุงเทพฯ กดกริ่งตอนนี้ ได้ลุ้นว่าจะได้ลงป้ายไหน หากคุณโชคดี ว่ารถที่คุณขึ้นกำลังแข่งกับอีกคันล่ะก้อ คุณจะได้แถมประมาณ 3 ป้ายรถเมลล์เลยทีเดียว กดสองทีแถมสองป้าย กดสามทีแถมหลายๆ ป้าย แล้วอาจได้รับตราประทับ(ตีน)จากกระเป๋ารถด้วย ว่ะหะหะหะ ระบบการขนส่งไทย จงเจริญ

อ๊าาา!!! มันยอดเยี่ยมมากเลยค่ะจอร์ชชชชช