วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

มินิบัส สุดยอด เทคโนโลยี Adominizer!!!


บ่อยครั้งเวลาที่ว่าง ผมมักนึกถึงเรื่องราวสมัยยังเป็นนักเรียน เรื่องนึงที่ผมมักคิดขำในใจบ่อย ๆ คือ เรื่องการเดินทางไป มหาลัย เมื่อก่อนบ้านผมอยู่สำเหร่ครับ แล้วผมไปเรียนที่ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้า ธนบุรี แรก ๆ ผมใช้บริการ รถยูโร สาย 21 จากบ้านสายเดียวไปถึง ม.เลย แต่ว่า ผมตื่นสายบ่อยครับ เข้าคาบเช้าไม่ค่อยทัน วันนึงเลยไปขึ้นรถที่ ป้ายโกวบ้อ ตรงแยก มไหสวรรค์ ซึ่งจะมีรถเมล์หลายสายกว่าครับ และที่ขึ้นชื่อว่าเร็วที่สุดก็คือ 75 คันเล็กครับ มินิบัส นั่นเอง คันเล็กๆ สีเขียวๆ ผมเรียกรถแบบนี้ว่า แอดโดมิไนเซอร์ครับ

คุณประสบปัญหากับการจราจรไทยใช่หรือไม่? คุณอยากไปถึงจุดหมายให้เร็วใช่รึป่าว? วันนี้ เราขอเสนอ 75 Adominizer คือ พาหะนะ ยุคใหม่ ไม่ซ้ำแบบใคร(หมายถึงหาไม่ได้ในประเทศอื่น) สั่งซื้อตอนนี้!! คุณจะได้สิทธิพิเศษ เสี่ยงภัยก่อนใคร และอาจได้โชคสองชั้นตายฟรีไม่มีประกัน

เข้าเรื่องดีฝ่า...ผมขึ้นรถ 75 Adominizer พร้อมเพื่อนที่บังเอิญเจอกันที่ป้ายรถเมลล์ ตอนที่เราขึ้นรถ ในรถคนแน่นแล้ว แต่จำเป็นต้องไปครับ พอพวกผมขึ้นรถไป เราก็ได้พบกับกระเป๋ารถเมลล์ในเครื่องแบบสุภาพตามมาตรฐาน (เสื้อเชิ้ตเก่าๆ สีกรม ไม่สอดในกางเกงสีกรม มีลายคราบขาวๆ ทั่วตัว พร้อมด้วยรองเท้าแตะหูหนีบสุดหรู บางคนอินเทรนด์หน่อยจะพับขากางเกงสองข้างไม่เท่ากัน โชว์ขนหน้าแข้งให้เราได้ดูกันไป

หันไปดูคนขับกันบ้าง คนขับรถ Adominizer มีเอกลักษณ์มากครับ เค้าคัดหน้าตาด้วย คุณจะเป็นคนขับไม่ได้เลย ถ้าหน้าคุณไม่โหด คุณต้องขับรถมือเดียวได้ เพราะมืออีกข้างคุณต้องถือบุหรี่ครับ ไม่งั้นผิดคอนเซป ส่วนเรื่องยูนิฟอร์มนั้น ไม่แพ้กระเป๋าแต่อย่างใด แต่จะมีความเป็นเพลย์บอยมากกว่าหน่อย ตรงที่ จะปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ต โชว์อก มีคราบคล้ายๆ กัน และใส่รองเท้าเหมือนกันครับ

พวกเรายืนเบียดเสียดกันอยู่บนรถ กระเป๋าก็ตะโกนบอกครับ "ชิดในหน่อยๆ เพ่" เชื่อมั้ยครับว่า เรายืนกันแบบ ปลายเท้าต่อกันเลยทีเดียว เรียกว่า ใครตดออกมายังไม่มีสิทธิ์จะหันหนีเลย ยืนติดกันสุดๆ ครับ แล้วนรกก็มาเยือน เมื่อไปถึงป้ายถัดไป กระเป๋าโดดลงไปโบกเรียกผู้โดยสารด้วยเสียงอันสุภาพ(น้อย)ว่า "ในว่าง พี่ ในว่าง" ผมได้ยินอย่างนั้นหันไปก็มองหน้ากันกับเพื่อน ไอ่ชิบหาย ว่างยังไง กูจะได้เสียกันอยู่แล้ว คนที่ยืนใกล้ ๆ คงคิดแบบเดียวกันกับผม ผมได้ยินเค้าพูดกับเพื่อนว่า มึงขึ้นขี่คอกูมั้ย 555 คิดเอาละกันว่ามันแน่นขนาดไหน ตอนนี้เราเกือบจะบรรลุ คลาส บัลเล่ย์ กันเลย เพราะแทบจะยืนด้วยปลายเท้า แต่กระเป๋าก็เก่งนะครับ แม่งเก็บตังค์ครบทุกคน มุด ๆๆ อย่างกะมี เชื้อพยาธิ ในตัว ไปซะทุกซอก พอเก็บเงินครบ เค้าโผล่หน้าออกไปนอกรถ ห้อยออกไปครึ่งตัวหายใจ ขณะที่ผู้โดยสาร แทบจะไม่มีอากาศหายใจ

อัดกันมาได้สักพักถึงบริเวณ ถนนสุขสวัสดิ์ สิ่งที่ทำให้ผมอึ้งก็เกิดขึ้น เมื่อ Adominizer คันที่กระผมขึ้น ไปซัดเข้าท้ายรถ ของรถเก๋งที่จอดอยู่ริมทางเข้าบริเวณ กันชนท้ายฝั่งซ้ายดังโครม ทุกคนอึ้งแล้วหันไปดู ผมยืนอยู่ใกล้ประตูทางลงหลัง กระเป๋ารถที่อยู่ตรงประตูหน้าตะโกนว่า "ไม่เป็นไร ไปเลย" คนขับก็ออกรถ อย่างเร็วแบบ สปีดท้านรก ทั้งที่รถติด ช่วงที่รถออกตัวผมเห็นไฟท้ายรถคันที่ถูกชนห้อยลงมา โอ้ว แม่เจ้า ไฟท้ายห้อยออกมาทั้งยวง เมิงบอกว่าไม่เป็นไร ต้องให้ล้อหลุดกระเด็นไปโดนหัว พ่อง เหรอไงฟะ ถึงจะเป็นอะไร ไอ้บ้า คนบนรถแอบกระซิบกัน "เห้ยๆ มึงเห็นป่ะ แม่งหลุดเลย"

จากนั้นเราก็สนุกสนานปานนั่งรถไฟเหาะตีลังกา สะบัดซ้ายสะบัดขวา ให้แตงโม ป้าที่นั่งเบาะหลังหลุดมือกลิ้งหายไปตามพื้นรถ ตอนใกล้ถึงมหาลัย แตงโมกลิ้งกลับมาหาป้า ป้าดีใจมากกกกกกก แต่แตกแล้วนะ ว่ะหะหะหะ เรียกว่าแขนเราได้กล้ามกันเลย เพราะขับรถได้ฉวัดเฉวียน สุด ๆ ครับมืออยู่กับที่ เกาะราวเอาไว้ นอกนั้น ตัวจะหมุนคว้างสะบัดไปตามพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายให้พอเมื่อยเล่น คิดดูครับ ยืนด้วยปลายเท้า มือจับราวด้านบน หัวต้องระวังโขก เวลาที่รถขึ้นลงสะพาน เลี้ยวสะบัดทีต้องคอยลากคนที่จะตกลงบันไดรถไป เรียกว่า ผู้โดยสารต้องช่วยเหลือกัน ถึงจะไปยังด่านสุดท้าย ได้เข้ารอบกันทุกคน

ลงจากรถที่ป้ายรถหน้ามหาลัย ผมแทบอยากจะก้มกราบแผ่นดิน จูบพื้นสักหนึ่งที ประหนึ่งว่าผมเป็น นช.ที่หนีไปต่างแดน ว่ะหะหะ มันดีใจนะครับที่ได้สัมผัสพื้นอีกครั้ง ผมกับเพื่อนเสียศูนย์นิดหน่อยตอนลงมาแรกๆ ยังเดินจิกปลายเท้ากันอยู่เลย 555 เพราะมันเร็วเหนือนรก เสี่ยงสุดๆ และไม่มีการรับรองความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น ผมเลยเรียกมันว่า 75 Adominizer ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

สนใจลองขึ้นได้ที่ป้ายโกวบ้อ และตอนนี้ คุณสามารถ ลิ้มลอง ความสามารถของ Adominizer ได้ทั่วกรุงเทพฯ กดกริ่งตอนนี้ ได้ลุ้นว่าจะได้ลงป้ายไหน หากคุณโชคดี ว่ารถที่คุณขึ้นกำลังแข่งกับอีกคันล่ะก้อ คุณจะได้แถมประมาณ 3 ป้ายรถเมลล์เลยทีเดียว กดสองทีแถมสองป้าย กดสามทีแถมหลายๆ ป้าย แล้วอาจได้รับตราประทับ(ตีน)จากกระเป๋ารถด้วย ว่ะหะหะหะ ระบบการขนส่งไทย จงเจริญ

อ๊าาา!!! มันยอดเยี่ยมมากเลยค่ะจอร์ชชชชช

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

กินเหล้าเอาขาแช่น้ำ ที่อัมพวา


หลังจากไปเที่ยวทะเลมาแล้ว คราวนี้ลองไปบรรยากาศชิลๆ ตามแบบไทยๆ กันบ้าง ผมเลือกไปอัมพวามาครับ ดองรูปไว้เป็นเดือนกว่าจะได้ฤกษ์เขียน blog แต่ก็เอาน่า ของมันไม่เน่านี่นา โฮะๆๆ วันที่ไปเป็นวันหยุด ผู้คนค่อนข้างเยอะพอสมควรแต่ก็ไม่ได้แออัดนะครับ สบายๆ อัมพวาจะมีสไตล์เป็นของตัวเองในความรู้สึกผมไปตลาดน้ำที่ไหน ก็ไม่ประทับใจเท่าที่นี่ (ที่ได้ไปมานะครับ) ที่นี่มีร้านค้าเยอะแยะมากมาย หลายร้าน มีขายตั้งแต่ ขนมไทย ยันเสื้อผ้าเลยครับ ที่สำคัญ ราคาก็ไทย ด้วย




ทริปนี้เน้นถ่ายรูปครับ (ทั้งที่ถ่ายไม่เก่ง แต่อยากถ่ายมีไรมั้ย มีปัญหามาต่อยกะหลานผมได้ ขวบครึ่ง) ว่ะหะหะ เจ้าของร้านต่างก็ใจดีครับ ให้เราถ่ายรูปได้ ยิ้มให้ น่ารักมากครับ อย่างร้านนี้เห็นขวดสีสันสวยดี เลยขออนุญาตเจ้าของร้านถ่ายรูป พี่เค้าก็ใจดีครับ บอกว่าตามสบายเลย เราเลยคุยกันนิดหน่อยแล้วก็อุดหนุนพี่เค้าไป หุหุหุ

เดินเล่นสักพัก ผ่านไปเจอร้านนวดแผนไทย ดูบรรยากาศในร้าน น่านั่งให้นาบ เอ้ย นวด จริงๆ เลยครับ ว่ามั้ย? แต่ว่าไม่ได้นวดครับ เพราะผมจะไปนั่งเรือไปไหว้พระครับ กลัวจะไม่ทันเลยต้องติดไว้ก่อน ระหว่างเดินเล่น เราจะเห็นร้านขายของเล่นเล็กๆ เยอะเลยครับ แล้วสีสันของของเล่นมันก็น่าเล่นจริงๆ สวยมั้ยล่ะครับ

มีร้านน่าสนใจเยอะแยะครับ ร้านขายโปสการ์ด มีตู้สีแดงอยู่หน้าร้านผมเลยต้องถ่ายรูปมาซะหน่อย ต่อมาก็ร้านขายขนมสายไหม ราคาแค่ 10 บาท ใส่ในกล่องน่ารักๆ





พอเราไปนั่งเรือเพื่อไปไหว้พระกัน อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว นั่งเรือไหว้พระกันเพลิน ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรครับ โฮะๆ ระหว่างทางมีสงครามแย่งที่นั่งในเรือกันนิดหน่อย เพราะกลุ่มผมนั่งหัวเรือครับ พอขึ้นเรือที่ท่าเรือวัด วัดแรก พอกลับมา มีตาแว่นและเพื่อนอีกสองคนมานั่งที่เราเฉย ถึงจะไม่ได้มีการจองไว้ แต่มันก็นะ มารยาทอ่ะครับไม่มีเลยเหรอไง แถมตอนลงวัดที่สอง พี่แกรีบวางของจองที่นั่งเอาไว้ด้วย อ่ะโห ผมเลยปรี๊ดครับพี่น้อง ซื้อไอติมกินดับอารมณ์สักหน่อย อร่อยดี แต่ก็ยังไม่หายหมั่นไส้ตาแว่นนั่น พอตาแว่นเดินมาถึงท่าเรือ ผมก็บรรจงยกเท้าหลังถีบตาแว่นอย่างแรง ตาแว่นร่วงตกน้ำ ผมยืนท้าวเอวหัวเราะ ว่ะหะหะหะหะ....สะใจโฮกๆ หยุด!!! นั่นมันจินตนาการของผม กลับมาที่เรื่องจริงดีกว่า...ผมก็นั่งเรือต่อไปตามปกติ 555 จะไปถีบเค้าทำไม ถึงจะอยากทำก็เถอะ แต่มันไม่ได้ประโยชน์คิดเอามันส์ก็พอ 555

เราตระเวนไหว้พระเสร็จเราก็มาเดินเล่นถ่ายรูปกันต่ออีก ตอนนี้เราเริ่มเดินหาร้านที่เราจะกินข้าวเย็นกันแล้ว โดยตั้งใจว่าจะต้องนั่งริมน้ำแล้วเอาขาแช่น้ำให้ได้ แล้วเราก็เจอครับ เป้าหมายของเรา "ร้านทองโบราณ" ไม่เคยกินที่นี่เลยสักครั้ง เราได้ยินเสียงเพลง เบาๆ พอมองไป มีลูกค้าบางคนเอาเท้าแช่ในน้ำ โอ้ว พระเจ้ายอดมันจอร์ช มาก นี่แหละที่เราตามหา เลยรีบดิ่งไปที่ร้านเลยครับ พอสั่งอาหารเสร็จ ผมก็นั่งเอาขาแช่น้ำเล่นทันที อากาศกำลังดี มีเพลงเพราะ ๆ อาหารอร่อย และ อบายมุข นิดหน่อย(เหล้า) ว่ะหะหะ ชอบนักแหละครับ



อาหารอร่อยดีครับ ราคาไม่แพง แต่ว่าจำค่าเสียหายไม่ได้เนื่องจาก...ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ 555 ติดลมครับนั่งกันยันสามสี่ทุ่มเลย เลยเก็บภาพตอนกลางคืนมาฝากอีกนิดหน่อย นะครับ


กราบสวัสดีมิตรรักแฟนเพลง....จ๊วบ!!

ดูรูปเพิ่มเติมได้(อีกนิดเดียว) ที่...http://www.flickr.com/photos/shin69/3907539270/