วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

หายหน้าไปหลายปี อัพอีกทีอยู่อเมริกา

สวัสดีครับ หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน มาอัพบล๊อกกะเค้าอีกทีก็มาอยู่อเมริกาได้ครึ่งปีแล้ว หุหุหุ รู้แค่ว่าขณะที่อัพ ดีเจเก่ง จอม Tor Lae ออกมาปาดน้ำตา หงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์(ว่ามีคนถ่ายคลิป) เรื่องนี้สรุปจะโดนอะไรบ้างก็กรรมใครกรรมมัน แต่อยากให้เป็นตัวอย่าง สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปในเมืองไทย ว่าไม่ควรเอาอย่างนะครับ



เข้าเรื่องดีฝ่า ที่อัพนี่อยากจะเล่าว่ามาอยู่อเมริกาครึ่งปี อยู่เมืองเล็กๆ สงบเงียบ ผมได้เรียนรู้(แบบงงๆ ) อะไรไปบ้าง

1. การกินข้าวในร้านอาหาร
1.1 "ต้อง" ให้ทิป
เรื่องกินก่อนเลย เวลาไปกินร้านอาหารที่นี่ คุณจะต้องทิปพนักงานนะครับ เพราะเป็นการขอบคุณที่พวกเขาดูแลคุณ พนักงานในร้านอาหารเหล่านี้ได้ค่าจ้างเฉลี่ยแค่ ประมาณ $3 / ชั่วโมง นะครับ ถ้าลูกค้าไม่ให้เขาจะกินอะไรล่ะครับพี่น้อง การไม่ให้ทิปเป็นการผิดมารยาทอย่างรุนแรง ขนาดที่พนักงานอยากจะร้องเรียนท่านประยุทธ์ให้นำตัวไปปรับทัศนคติกันเลยทีเดียว และที่สำคัญคนเอเชียมักจะถูกดูถูกดูแคลนเพราะเรื่องนี้ซะด้วย ที่โดนเหยียดหนักๆ เลย ก็ อินเดีย จีน ไทย เพราะฉะนั้นจ่ายให้เขาเถอะครับ ^ ^" คนทำงานแลกเงินนะ
1.2 ไม่ควรสั่งมาแบ่งกันกิน
เราคนไทยนี่เนาะ ชอบสั่งกับข้าวมาแบ่งกันกิน หรืออาหารจานใหญ่ เรามักชวนเพื่อนมาแบ่งกินด้วยกัน แต่อย่าทำที่นี่เลยครับ อะโห พนักงานนี่มองแบบ...เห้ย แบ่งเหรอ น่าเกลียดอ่ะ (แล้วถอยรถมาทับรถเราสองรอบ แล้วบอกว่าโดนชนท้าย ไม่ใช่ละ นั่นมันดีเจเก่ง) ผมมาแรกๆ นะ แบ่งจ้า ก็เค้ากินน้อย ก็เค้ากินไม่ไหว... ทำไมเค้าต้องสั่งมากินเหลือด้วยอ้ะ พร้อมดีดดิ้นเล็กน้อย น่ารักๆ แต่ๆๆๆ มันเป็นมารยาทครับ จะมัวมาคิดแต่ประหยัดไม่ได้ (ข้อนี้ขัดใจตัวเองมากเพราะไม่ได้งกนะ แต่กินไม่หมดเสียดายของ) เดี๋ยวนี้จำใจครับสั่งมากินคนละจานครับ จะแบ่งจะผลัดกันก็สั่งมาตามจำนวนที่เรามาครับ เข้ามา 5 คนสั่ง 5 อย่างครับ เหอะๆๆ กินไม่หมด ขอ กล่อง To Go เอากลับมากินต่อที่บ้านโลด

2. ห้องน้ำสาธารณะ
2.1 ประตูมัน.....ไม่เคยมิดชิด แม่มมม ร่องประตูนี่สบตากะคนรอคิวได้เลยนะครับ 555 มีครั้งนึงนี่ ร้อง "ตามองตา สายตาก็จ้องมองกัน" ถุยส์ส์ หดหมดครับ
2.2 กระดาษทิชชู่ที่เช็ดก้นอันขาวเนียนและมีออร่า ของเรา ทิ้งลงชักโครกแล้วกดน้ำฟลัชไปได้เลย ไม่ต้อง เก้ๆ กัง ๆ มองหาถังขยะนะครับ เมืองลุงแซมเขาวางระบบระบายไว้ดี ไม่กลัวท่อตันกันเลย
2.3 ห้องน้ำที่ Rest Area ควรหลีกเลี่ยง สกปรกสัสๆ 5555 คือ อเมริกาช่างกว้างใหญ่ จะเดินทางแต่ละที แค่รัฐข้างๆ กันบางทีล่อไป 6 ชั่วโมงเลยจ้า แบบรถไม่ติด วิ่งตลอดๆ นี่แหละ 6 ชั่วโมง แม่เจ้า ดังนั้น หนีไม่พ้นเสียงเรียกจากร่างกาย ต้องมีอยากเข้าห้องน้ำกันบ้างละนะ เขามี Rest area หรือจุดพักรถนั่นแหละครับให้เข้าห้องน้ำ แต่จากที่เจอมาส่วนใหญ่ จะสกปรกสุดๆ ถ้าเจอจุดสะอาดนี่ ยืนน้ำตาปริ่มด้วยความปลื้มใจ 2 วินาที ทำหน้าคล้ายนางงามฟิลิปปินส์ตอนรู้ว่าได้ มง เลยทีเดียว

3. ช๊อปปิ้งจิงกะเบล
ที่นี่มันเริ่ดและถูกใจมากตรงที่....... คืนได้!! เห้ย ถ้าไม่ถูกใจ ถ้ามันไม่ใช่ ถ้ามันไม่ดี คืนได้คร๊าบบบ เก็บใบเสร็จไว้ แล้วเอาไปคืนได้เลย ถ้าเป็นเมืองไทย น่าจะมีมวยครับ คืนห่านไร เมิงเอาไปแล้ว อยากตายเหรอ.... แต่ที่นี่คืนได้ ไม่มีบ่นจ้า ถูกใจขาช๊อปกันล่ะครับ ช่วงคริสมาตส์แห่กันไปซื้อ ช่วงหลังคริสมาสต์เขาก็แห่กันไปคืน 55555

4. ฝรั่งไม่ทำงานเยอะ
ไม่เหมือนคนไทยนะครับ ทำงาน 5 วัน 6 วันต่อสัปดาห์ เขาทำงานกัน 3-4 วัน (ไม่เต็มวันด้วยนะ) เพราะ ชีวิต คือชีวิต เวลากับครอบครัว เวลาท่องเที่ยวสำคัญสุดเบย บางบริษัทนี่ วันศุกร์ครึ่งวันนี่ไปกันหมดแล้วจ้า ขนของขึ้นรถไปตั้งแคมป์ ได้แต่มองด้วยความอิจฉา คนไทยนี่...ทำงานกัน งกๆๆ ถึงเวลาเงินเดือนไม่พอใช้ ไรแว๊

มาโม้ให้ฟังเท่านี้ก่อนนะ เมื่อย(ขี้เกียจ) โอเคมั้ย? 5555

ปล. คิดถึงเมืองไทย คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงเพื่อน คิดถึงร้านกาแฟ Appresso Coffee House (ร้านกาแฟ ดีเวอร์ อร่อยทะลุมิติ อวยร้านตัวเอง 5555)

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ร้านไอศครีมน่ารักๆ แถว ม.พระจอมเกล้าธนบุรี มันก็มีนะคร๊าบบบบ



หายหัวไปตั้งนานไม่ได้อัพบล๊อกกะชาวบ้านเขา เนื่องจากต้องทำภาระกิจหลายอย่างทำให้ไม่มีเวลาว่างไปเที่ยวที่ต่างๆ สักเท่าไหร่ วันนี้ได้เวลา เอานิ้วของคนน่ารักๆ คนนี้กระแทกแป้นแชร์เรื่องราวกันอีกครั้งเพราะว่า...ได้หยุด!! บร๊ะเจ้า...ได้หยุด มีเวลา ไร้สาระ นอนตีพุง อ๊างงงงงงงงงงงง กระผมก็เลยกลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยที่รัก ที่ยังมีเพื่อนๆ บางคนทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ กันอยู่ คิดถึงๆๆ ขอไปไร้สาระกับเค้าบ้าง อิอิ

พอไปที่มหาวิทยาลัย...ร้อน ร้อน ร้อนว๊อยยยยยยยยย อะไรมันจะร้อนขนาดนี้ ตือโต๋ว เซี่ยงจี๊ของผม สุกหมดแล้ว เดินตัวเหลวมาเลย เพื่อนๆ ผู้น่ารักเลยอาสาพากระผมไปเลี้ยงไอศครีม ที่ร้านน่ารักๆ แถว ม. กันหน่อย ชื่อร้านว่า..."The Ice Land" อยู่ตรงข้ามทางเข้าหมู่บ้านสวนธน ถ.ประชาอุทิศ ทุ่งครุ ไม่ไกลจากหลัง มหาวิทยาลัยเราสักเท่าไหร่ ส่วนตัวผมเป็นคนไม่ชอบกินของหวานนะครับ แต่อันนี้เพื่อนขอร้อง (ประมาณว่ากูอยากกิน เมิงต้องกินกะกูด้วย) อะเราก็ไปตามน้ำ




พอไปถึง ร้านดูธรรมดาๆ ภายในตกแต่งร้านน่ารักใช้ได้เลย คนไม่แน่นคงเพราะเป็นช่วงบ่ายๆ นักศึกษา และคนทำงานยังไม่ได้เวลาออกมากันมั้ง ก็ผมมันได้หยุดนี่ วะห่ะห่ะห่ะ เนื่องจากกระผมกินรสชาติอื่นไม่เป็นเลย ก็เลยสั่งรสช๊อคโกแล๊ต คือชอบที่สุดละ แล้วราดด้วย โกโก้ครั๊นซ์ ครับ ส่วนเพื่อนผมอีกสองคน คนนึงสั่งรส ชานม ใส่เวเฟอร์ช๊อคโกแล๊ต อีกคนสั่งชาเขียวราดเผือก

พอพนักงานเอามาเสิร์ฟ แม่เจ้า มันเยอะกว่าที่คิด (ผมไม่กินพวกนี้ไม่รู้หรอกครับว่าปกติเค้ากินกันมันเยอะหรือน้อยแค่ไหน) ดูน่ากินมากๆ เลยต้องหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายสักหน่อย ตอนแรกทิ้งกล้องไว้ในรถ เหอะๆๆ ดูรูปกันได้เลยครับว่ามันน่ากินดีนะ อ่านมาถึงตรงนี้อยากรู้ล่ะสิว่ามันอร่อยไหม โฮะๆๆๆ มันก็อร่อยดีครับ ไม่หวานจนเกินไป แต่ของเพื่อนผม ผมไม่ได้ไปซั่มของมันนะเดี๋ยวมันด่า 5555


ราคาน่ะเหรอ???? ถ้วยละ 45บาท อร๊างงงงงงงง ตอนแรกนึกว่าแพงกว่านี้ สรุปแล้ว รสชาติถูกใจ ราคาก็สบายกระเป๋า (แถมมื้อนี้กระเป๋าเพื่อนด้วย) หากคุณผู้อ่านมีเวลา ไปลองทานกันนะครับ อุดหนุนคนไทยด้วยกัน ร้านค้าแบบ local แบบนี้กันมากขึ้น ดีกว่าเสียเงินซื้อ ไอศครีมที่แพงเกินจริงตามห้างตั้งเยอะนะ :)

ปล.ขอบคุณเพื่อนปอและเพื่อนหม่องที่สนับสนุนการกินครั้งนี้ อิอิอิ

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวกระบี่ในฤดูฝน!!! (มันก็สวยดีนะ) Part II

DSC_0268
เช้าวันที่ 2 เรากินอาหารเช้า ประกอบด้วย แฮมไก่ ออมเล็ต ไส้กรอก ขนมปัง น้ำส้ม, ข้าวต้มทะเล จากนั้นเราก็ขับรถเข้าไปยังตัวเมืองเพื่อไปอ่าวนางแล้วหาทางไปแรดตามเกาะต่างๆ กัน อร๊างงงงงงง แต่ว่า...เนื่องจากคุ้นเค๊ย คุ้นเคยกับกระบี่ เราก็หลงทางกันนิดหน่อย กว่าจะถึงอ่าวนาง ฝนก็ เทลงมา ๆ ๆ ... ตกหนักมากจนเราคิดว่า แห้วแน่ๆ วันนี้ ไม่สามารถขับรถต่อไปได้เพราะทางมองไม่เห็นหนักอย่างกะพายุ เราเลยตัดสินใจจอดรถ แล้วเข้าไปหลบในร้าน ซเวนสัน...กินไอติมกัน ไม่ใช่ ๆ ร้าน ซเวนเซ่น เพื่อกินไอติม รอดูฟ้าฝนว่าจะเปิดทางให้เราไหม เมื่อเราเข้าไป เราพบว่า เรา...ฉลาดมากกกกกกก แม่งฝนตก หนาวตายห่า เสือกหลบในร้านไอติม แล้วกินไอติมนั่งสั่นกัน - -" อารมณ์นั้น..ถามตัวเอง นี่กรูเข้ามาทำด๋อยอะไรในนี้ฟะ???

ในที่สุดหลังจากกินไอติมเสร็จฝนก็หยุด วะ วะ วะว้าวววววววววววววววว ทำบุญมาด้วยอะไร อิอิ เรารีบขึ้นรถแล้วขับย้อนไปนิดหน่อย เราก็เห็นป้อมที่เขียนว่าติดต่อเรือทัวร์เกาะ เราก็รีบไปติดต่อกันเลยครับ ตกลงเราได้ แพ็คเกจเรือหางยาว เหมาลำ ไป 5 เกาะ ในราคา 2000 บาท แล้วเราก็เช่า สน็อคเกิล 4 ชุด ราคารวม 200 บาทแล้วไปลงเรือกันเลย :D ออกเรือจากหาดนพรัตน์ธารา ด้วยรอยยิ้ม แฉ่ง ของพวกเรา มุ่งหน้า ไปลุยกันเลยยยยยยยย





ไปถึง ถ้ำพระนาง พวกเราก็ไหว้พระ กันนิดหน่อย แต่ไม่ได้เล่นน้ำกันมากนัก เราเดินเล่นกันประมาณ 15-20 นาที ก็ออกเรือไปยังเกาะต่อไป ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเกาะปอดะนะครับ ที่นี่สวยใช้ได้เลย แต่ว่า!!! ฝน!! ไล่มาอึมครึมเลยทีเดียว เราเล่นน้ำกันนิดหน่อยก็ไปยังเกาะต่อไปกันต่อ เราตัดสินใจไม่เล่นน้ำกันที่นี่นานนัก เพราะอยากไปดำน้ำดูประการังกันมากกว่า แล้วเราก็ต้องรีบกลับรีสอร์ทให้ทันขึ้นรถตู้ไปเที่ยวรอบกลางคืนด้วยสิ พอมาถึงบริเวณใกล้ๆ เกาะไก่ เราก็ลงน้ำเพื่อดูประการังกัน ปลาเยอะมากเลยครับ เราดำน้ำแล้วถือแผ่นขนมปังไว้ในมือ ปลาเป็นร้อยๆ ขึ้นมารุมรอบตัวพวกเราโอ้โห....แอบกลัวมือหายไปกะฝูงปลาเหมือนกัน อิอิ กลัวมันตอดเพลิน 555 มีปลาแปลกๆ เยอะแยะเลยครับ แต่เราก็คอยระวังไม่ไปใกล้เกินไป เพราะพวกผมกลัว หอยเม่น ตำเอาน่ะครับ เราอยู่ที่นี่นานพอสมควรเลย

หลังจากดำน้ำดูประการังกันซะปลาเบื่อขี้หน้าพวกผมแล้ว เราก็เดินทางไปทะเลแหวกกันต่อ อร๊างงงงง ที่ในฝัน มาคราวที่แล้วประทับใจมาก อยากกลับไปอีก พอไปถึง จิตใจห่อเหี่ยวลงนิดหน่อยครับ เนื่องจากเป็นฤดูฝน ทำให้ สันทรายไม่สวยเท่าคราวที่แล้ว แต่ก็ดีใจที่ได้กลับมาอีก เราเดินเล่น ถ่ายรูป สนุกสนานครับ ทุกคนเริ่มเพลีย กับการว่ายน้ำกันแล้ว พอได้เวลาเราก็กลับกันเลย (แหม่ก็คิวมันแน่นนี่ครับ นานๆ พวกผมจะไปแรดไกลๆ กันก็ต้องเบียดคิวกันอย่างนี้แหละฮะ)

กลับถึงฝั่งกันอย่างปลอดภัย พวกเรา โค ตะ ระ เพลีย กันแล้วตอนนี้ รีบบึ่งรถกลับโรงแรม พร้อมกับโทรไปบอกทางโรงแรมว่าเรากำลังรีบไปอาจจะช้าหน่อย ทางโรงแรมตอบว่าเค้าจะรอ วะวะวะว้าวววว พระเจ้า T T อยากกระโดดจูบพนักงานสัก 8 ที แต่เค้าดันเป็นผู้ชาย ผมกลัวผิดผีน่ะครับ เลยมิกล้า กว่าจะถึงโรงแรม ปาเข้าไป ห้าโมงกว่า...- -" โคตรช้า คนหลายคนมองเรา แบ่บ...แสดดดดดด เมิงทำห่านไรกันช้านักหนา พวกเรารีบขึ้นรถแล้วนั่งเจี๋ยมเจี้ยมกันไปจนถึงในเมือง อีกครั้ง เสื้อผ้า หน้าผม ห่านมากๆ ครับ ไม่ได้เปลี่ยนกันเลย อยู่มันตั้งแต่เปียกยันแห้ง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้างแถวๆ นั้น แล้วออกมาเดินกันต่อ เราไปเที่ยวตลาดกลางคืนกันครับ



พวกเราเดินเที่ยวตลาดหาซื้อเสบียงเตรียมกลับไปซัดกันให้ราบที่รีสอร์ท กุ้งอบ กุ้งทอด หอยชักตีน ไก่ไรสักอย่างแดงๆ ของขึ้นชื่อที่นี่ ปลาหมึกย่าง และที่สำคัญ แป๊ปซี่ฝวดดดหย่ายยยยๆ หลังจากกว้านซื้อเสบียงราวกับไม่ได้กินข้าวมา 4 วัน พวกเราก็ขึ้นรถ ด้วยใจที่จดจ่อกะอาหาร แล้ว....แล้ว....คนขับรถก็บอกว่า..อ้าวเดี๋ยวเราไปต่อกันอีกที่นึงนะครับ เดินเที่ยวร้านริมอ่าวนาง จะกลับมารวมกัน 5 ทุ่ม ด้วยเสียงอันแจ่มใสและเป็นมิตร แต่พวกเรา ม่ายยยยยยยย กับข้าวกู๊ว์ว์ว์...T T อีก 2 ชั่วโมงเลยนะเว้ยเห้ยยยยย จะใจดีไปไหน T T พากลับเลยก็ได้ ฮือๆๆ หิวโพดๆ พวกเราลงรถตู้ที่ริมอ่าวนาง แบบคอตก หน้าแทบจะแนบถึงพื้น น้ำตาไหลพราก...ป่าวหรอกล้อเล่น ด้วยหน้าตาอันน่ารักน่าชังของพวกเรา ทำให้เราเป็นคนที่ไม่ค่อยแคร์สายตาใครๆ นัก ...ดังนั้น เรานั่งกินกันข้างทางที่ริมหาดกันเลย มีเก้าอีกม้ายาวรูปโค้งให้เราวางอาหาร แล้วเราก็ใช้พื้นแทนเก้าอี้สุดหรู ซัดสวาปามกันเต็มคราบ อิ่มแปล้ อากาศดี สบายใจ สบายพุง โฮะๆๆ กินเสร็จ ผมก็นอนแผ่บนเก้าอี้ม๊ายาวอีกด้าน ลมเย็นสบาย จนทุกๆ คนกลับมาขึ้นรถ พวกเราก็กลับรีสอร์ท ไปอาบน้ำ แล้วนอนกันอย่างกะคนตาย 5555 โคตรเหนื่อยเลยวันนี้




เช้าวันที่สาม วันนี้เราต้องกลับกันแล้ว หลังจากตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าวเช้าเรียบร้อย เราก็ไปนาบ เอ้ย นวด ไทย กันคนละ 1 ชั่วโมง (มันแถมมาใน Package อิอิ) ขอบคุณ Ensogo อีกครั้ง ว่ะหะหะหะ นวดจนสบายตัวเราก็เก็บของมาจัดเรียงขึ้นที่น้อง ออส ของเพื่อนผมแล้วออกเดินทางไป ไป ไป... ไม่ใช่หรอก จริงๆ แล้วยังไม่ไปไหน เพื่อนผมติดใจร้าน กุลากาสัย มาก เลยขอกินอีกสักครั้งเพราะกว่าจะได้มาคงอีกหลายปี คราวนี้เลยสั่งกันเต็มที่เลยครับ ทอดมันกุ้ง ต้มยำทะเล กุ้งชุปแป้งทอด หอยชักตีน(สุดยอดของโปรดของเพื่อนผมเลย) หลังจากอิ่มกันแล้วก็บรรจงมองนาฬิกา แว๊กกกก บ่าย 2 โอ้ว พระเจ้ายอด มันจอร์จมาก ขับรถ 10 ชั่วโมงนะเว้ยเห้ย แล้วกรูจะได้นอนกี่โม๊งงงงงง T T รีบบึ่งกลับกรุงเทพ กันแบบด๊วน ด่วน เลยทีเดียว

เรากลับถึงบ้านกันประมาณ ตีหนึ่งครับ ปลอดภัยไร้กังวล เปลี่ยนกันขับคนละประมาณ 3 ชั่วโมงกันการหลับใน :)

สรุปทริปนี้นะครับ ค่าเสียหายสำหรับ 4 คน มีดังนี้

ค่าที่พัก 3 วัน 2 คืน 2 ห้อง รถตู้พาเที่ยววันแรก และนวดไทย คนละ 1 ชั่วโมง 7980 บาท
ค่าเรือเที่ยว 5 เกาะพร้อม snockle 2200 บาท
ค่าอาหาร 2500 บาท
ค่าน้ำมันรถ 4 ถัง 4400 บาท
ค่าเข้าสระมรกต 80 บาท
ค่าเข้าน้ำตกร้อน 80 บาท

รวม 17240 ตีไปสัก 18000 บาท เฉลี่ยคนละ 4500 บาท :)

เล่าหมดละ โซดาก็ไม่มีละ ไว้ไปเที่ยวอีกจะเอามา เหลา ให้ฟัง กันใหม่นะครับ ยังไง ไทยเที่ยวไทย ก็ดีที่ซู๊ดดดดด กราบสวัสดี :)

ปล. ไม่รู้ว่าคนที่ไปด้วยกันเข้ามาอ่านบ้างรึป่าว ผมคิดถึงนะ

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวกระบี่ในฤดูฝน!!! (มันก็สวยดีนะ)


สวัสดีครับ ในที่สุดผมก็หาเรื่องมาลัลล้าใน blog อีกจนได้ครับ คราวนี้ ย้ายตูดเนียนๆ ของกระผมไปเที่ยวกระบี่เลยทีเดียว ทริปนี้ไปแบบกึ่งลุยกึ่งหรูครับ เนื่องจากจองห้องพักระดับเลิศได้ในราคาถูก หุหุหุ ต้องขอขอบคุณ ส่วนลดพิเศษ จาก ensogo จริงๆ ทริปนี้จึงบังเกิดได้ในราคาประหยัด

เริ่มกันเลยดีกว่า คณะผมมีทั้งหมด 4 คนครับ เราตกลงกันว่า จะพา น้อง(วี)ออส ของเพื่อนกระผมที่เพิ่งถอยออกมาไม่นานไปตะลุยทางไกลกัน เริ่มออกเดินทางวันพฤหัสเวลาประมาณเที่ยงคืนครับ น้ำมันเต็มถัง แต่พลังงานผมขีดต่ำฮะ ไม่สบาย บวกกะทำงานมาทั้งวันยังไม่ได้พักผ่อนเลย เพื่อนๆ ก็เหมือนกันครับ แต่ทุกคนไม่หวั่น ก็อยากไปนี่หว่า โฮะๆๆๆ เราขับรถมุ่งตรงไปทาง ทางหลวงหมายเลข 4 ครับ จากกรุงเทพฯ - นครปฐม - ราชบุรี - เพชรบุรี - ประจวบฯ คนขับคนแรกก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่ 2 ครับ จาก ประจวบฯ - ชุมพร จนเกือบถึงสุราษฎ์ฯ ช่วงนี้ระยะทางยาวขึ้นกว่าจะข้ามแต่ละจังหวัด จนเปลี่ยนคนที่ 3 ขับจาก ติ่งๆ ชุมพร - สุราษฎ์ กลับไปประจวบฯ จนถึงกรุงเทพฯ!! เห้ยไม่ใช่ ผมล้อเล่น จาก ติ่งๆ ชุมพร - สุราษฎ์ฯ - กระบี่ นั่นแหละครับ อิอิ รวมเวลาประมาณ 10 ชั่วโมงครับ โหด โพด ๆ





เมื่อขับหลงกันในกระบี่นิดหน่อยเราก็มาถึงที่พัก Nantra de Deluxe Hotel ที่ความเป็นส่วนตัวสูงมาก เรียกว่า ถ้าเด็กแว้นท์จะเข้ามาก่อกวน แม่งบ้านต้องมีเครื่องบินแหละครับ อิอิอิ ที่พักถือว่าดีมากๆครับ เงียบ สงบ สะอาด สบาย พนักงานน่ารักมากครับ จริงๆ พวกผมก็รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาเช็คอินท์ กะว่ามาฝากของแล้วก็ถามรายละเอียดการทัวร์นิดหน่อยเท่านั้น แต่พนักงานรีบจัดการ ยกเครื่องดื่มต้อนรับมาให้พวกเรา พร้อมเชิญเราเข้าห้องพักเปลี่ยนชุดเพื่อจะขึ้นรถ ตู้ของทางโรงแรมไปเที่ยวในเมือง (แพ็คเกจนี้รวมค่าที่พักที่จองไว้แล้วน่ะครับ) พวกเราก็จัดไปอย่าให้เสีย อยากเที่ยวอยู่แล้ว รถตู้ทั้งคัน นั่งกัน 4 คน ไม่มีคนขับ! อ่า..มีสี รวมคนขับเป็น 5 คน ออกเดินทาง!!!!!!!!

เราไปเริ่มที่ สระมรกต กันก่อนเลยครับ เคยมาเมื่อ 3 ปีก่อน อยากกลับมาใจจะขาด ในที่สุด ก็ได้กลับมาดีใจมากๆ พอมาถึง ยังไม่ทันจะเดินผ่านด่านเข้าไป ฝนก็ เทลง มา เทลง มา เท ลง มา.... พวกเราตัดสินใจยืนรอครับ ยังไม่เข้าไป รอประมาณ 20 นาที ฝนก็เบาจนแทบจะหยุด เหลือแค่ละอองฝนนิดหน่อย เราก็เลยได้เวลาลุยกันครับ จ่ายค่าเข้าคนละ 20 บาท ถูกมั่ก มากกกกก แต่ เดี๋ยวก่อน...!! ถ้าคุณเป็นชาวต่างชาติ รับทันทีสิทธิพิเศษ จากราคา 20 บาท จ่ายแค่ 200 บาท ป๊าดดดดด อ่านไม่ผิดหรอกครับ ราคาสำหรับชาวต่างชาติ 200 บาทเห็นๆ ไม่รู้ขนหน้าแข้งต่างสีของพวกเค้า ทำให้ธรรมชาติเราเสียรึป่าว เลยตั้งราคากันแบบนี้ อิอิ แต่ก็เข้าใจครับ เรื่องธรรมดา เราไปเที่ยวบ้านเขา ก็คงคล้ายๆ กัน(มั้ง)



เดินมาถึงสระมรกต ระยะทางจากหน้าด่านประมาณ 800 เมตร เริ่มเมื่อย (หรือผมเริ่มแก่ไม่รู้นะ) มาถึง ก็สูดอากาศเต็มปอด อ๊าาาาห์...ทำไมเหม็นๆ กลิ่นตดเพื่อนผมนั่นเอง 5555 อากาศสดชื่นมากๆ ครับ หายใจโล่งมากเลย ถ้าไม่มีใครมาตดอัดหน้าคุณในตอนนั้น ผมรับรองว่าต้องชื่นใจเหมือนผม อิอิ น้ำยังคงใสสะอาดน่าเล่นเหมือนเดิม ต้นไม้ยังอุดม แต้พานิช ร่มรื่นครับ แตกต่างตรงที่ วันนี้มีคนมาเที่ยวพอสมควร ฝรั่งที่เล่นใกล้ๆ เค้าแบบ อเมซิ่งมากๆ สปีคกันใหญ่ว่า โอ้ว เวรี่ เวรี่ บิวตี้ฟูลลลลลลล แอบภูมิใจเล็ก ๆ อิอิ บ้านมึงไม่มีล่ะซี่ ว่ะหะหะหะ

หลังจากเล่นน้ำกันชุ่มฉ่ำใจแล้ว พวกเราก็รีบขึ้นรถตู้ออกเดินทางไป น้ำตกร้อน หรือ น้ำตกคลองท่อม กันต่อครับ นี่ก็เคยไปมาแล้ว คิดถึ๊งงงง คิดถึง พอไปถึงพวกเราพบรถบัสคันใหญ่อยู่ข้างหน้า คิดในใจ ชิหายละ มีคนมาแย่งที่ จะได้แช่แบบสบายใจไหมเนี่ย แล้วเราก็พบ...กับผู้เข้าแข่งขัน มันมากันเป็นคันรถ T T มาแบบคุณป้าๆ กะหนุ่มสาวโรงงานทั้งนั้น คุยภาษาอีสานกันอย่างเมามันส์ พวกผมรีบเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเพื่อให้ได้ไปถึงก่อน แม่เจ้า พวกเค้าแบ่งกองทัพออกเป็นสอง เข้าตีขนาบ สรุปเราไปถึงเกือบจะพร้อมกัน ผมอาศัยว่าเคยมา รีบขึ้นไปจุดที่ดีที่สุดที่มีคนอยู่พอสมควร รีบจองที่ อิอิอิ แต่บรรดาป้า ๆ โรงงานไม่ยอมแพ้ ขึ้นไปต้นน้ำเลยครับ แล้ว แล้ว แล้ว...แช่เท้า...... ไอ่สาดดดดดดดดดดดดดดดด เมิงมีความเกรงใจกันบ้างไหม ตรงนั้นนอกจากพวกผมมีคนแช่น้ำอยู่อีก 5-6 คน มันไปต้นน้ำกัน ถอดรองเท้าผ้าใบ เอาขาแช่ ป๊าดดดดด อยากใส่ เกรียวกระโดด สปาหน้าด้วยฝ่าเท้าสัก 3 รอบ เท่านั้นไม่พอครับ บรรดากลุ่มป้าๆ ที่เหลือตีขนาบข้าง มี ฝรั่ง คู่ หนึ่งมาแช่น้ำ เขาก็ผลัดกัน คนหนึ่งแช่น้ำ คนหนึ่งถ่ายรูป บรรดา เกรียนรุ่นฟอสซิล ก็เอาเลยครับ ไปวักน้ำใส่แกล้งเขาตอนถ่ายรูป อารมรณ์ เกรียนรุ่นป้า แกอยากเล่นด้วย แต่อารมณ์ ฝรั่ง...ผู้หญิงคนนั้น...กลัวครับ เธอทำหน้างง ๆ ยิ้มแบบเจื่อนๆ ไม่เข้าใจว่า ป้าจะเอาอะไรกะกูคะ พวกกลุ่มเกรียนฟอสซิล ก็หัวเราะกันลั่น ยิ่งทำให้ ฝรั่งเสียเซลฟ์เพิ่มขึ้นไปอีก แล้วในกลุ่มเกรียนฟอสซิล ก็มีชายกลางคน หน้าตาหื่นมาก เข้าไปใกล้ๆ ผู้หญิงคนนั้นกลัว ก็เลยรีบขึ้น ไปยืนงงๆ ริมน้ำตกกะแฟนหนุ่ม ดูแล้วยังเด็กทั้งคู่ คิดดูสิครับเค้ายังแช่ไม่อุ่นถึงติ่งหูเลยมั้ง ต้องรีบขึ้น พวกเกรียนฟอสซิล ก็เฮฮาโหวกเหวกกันใหญ่ เพื่อนผมสงสารฝรั่ง เพราะเขาเสียเงินมากกว่าเรา 10 เท่านะครับ ยังไม่ทันได้เล่นเลย เราเลยชวนเขามานั่งกับเราก็ได้ แต่พวกเค้าเหมือนจะไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยรึป่าว เพราะพวกผมก็อยู่ใกล้กับพวกเกรียนฟอสซิล ไม่ก็คงไม่ไว้ใจพวกผมด้วย เขาเลยกลับไป น่าสงสารชะมัดเลย หลังจากแช่ไปได้ประมาณเกือบ 20 นาที สายฝนก็โปรยลงมาอีกครั้ง คราวนี้หนักเลย พวกผมก็เลยตัดสินใจกลับ เพราะกลัวไม่สบาย น้ำก็ร้อน ฝนก็เย็น เหอะๆๆ ไม่เสี่ยงดีกว่า

DSC_0219

DSC_0210 DSC_0212 DSC_0217

พวกเราฝ่าฝนมาถึงรถตู้ พี่คนขับก็น่ารักครับ รีบลงมาเปิดประตู พี่เค้าก็เลยเปียกไปด้วย พวกเราส่งผ้าขนหนูผืนใหม่ให้พี่เค้า พี่เค้าก็บอกแต่ว่าไม่เป็นไร แล้วระหว่างทางกลับโรงแรม พี่คนขับก็แนะนำที่กินที่เที่ยวให้กับเรา พอมาถึงโรงแรม พวกผมก็ไปที่สระน้ำเล่นน้ำกันต่อ จากนั้นพวกเราก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อขับรถไปหาอะไรกินกันครับ พี่คนขับแนะนำร้านชื่อ กุลากาสัย มาครับ ว่าเป็นร้านขึ้นชื่อที่กระบี่ เราก็เลยตั้งใจไปลองกันสักหน่อย พอมาถึงร้านกุลากาสัย เราก็สั่งอาหาร ดังนี้ครับ กุ้งชุบแป้งทอด ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว กุ้งพล่า และที่สำคัญ... หอยชักตีน ของขึ้นชื่อของกระบี่ ข้าวเปล่าหนึ่งโถ น้ำเปล่าและน้ำแข็ง (อดกินแป๊ปซี่ T T) อาหารอร่อยมากๆ ครับ เพื่อนผมติดใจ หอยชักตีน แต่กินเข้าไปไม่ไหวแล้ว เลยจำใจพอก่อน ถึงเวลา จ่ายค่าเสียหาย ทั้งหมด 650 บาทครับ เรียกว่า พอใจทั้งอาหารทั้งราคาเลยทีเดียว จากนั้นเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อน เตรียมลุยออกเกาะกันในวันพรุ่งนี้

พอถึงห้องพัก ผมก็พุ่งไปแลนดิ้งบนเตียงเลยครับ นุ่มสบาย กว้างขวางดีจริงๆ นอนเล่นแป๊ปเดียวหลับไปเลย (จริงๆ ผมไม่ได้หลับทันที ทำกิจกรรมนิดหน่อยครับ ชะชะ อย่าคิดลึก กิจกรรมที่ว่าคือ เข้าห้องน้ำ เปลี่ยนชุด ดูทีวีนิดหน่อย) วันนี้เหนื่อยจริงๆ ครับ เลยต้องพักเอาแรงไว้ก่อน สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ ครับ

ติดตามตอนต่อไปนะครับ

ปล. ตอนนอนแอบภาวนา ขออย่าให้เจอเกรียนฟอสซิลตอนออกเกาะอีกนะครับ คุณพระคุณเจ้า :)

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รถไฟฟ้ามาหานะเธอว์

เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มีโอกาสได้เดินทางโดยใช้ รถไฟฟ้า เพื่อกลับบ้าน อย่านึกภาพหรู ปกติรถเมล์ครับ อิอิ ล้อเล่นครับ เอาเป็นว่า ได้ไปใช้บริการรถไฟฟ้ากับเค้าบ้างแล้วกัน สิ่งที่ผมได้พบเห็นคือ ในรถไฟฟ้า หรือ รถสาธารณะจะรวมคนทุกประเภทเอาไว้ด้วยกัน แต่พวกที่ได้รับความสนใจจากผมเป็นพิเศษ มีไม่กี่ประเภท ยกเว้น พวกหน้าตาดี หุ่นดี เอ๊กซ์ อึ๋ม ซึ่งอันนั้นสนใจตลอดเวลา ว่ะหะหะหะ

มาดูประเภทแรกกันก่อนเลยดีกว่าครับ

1.พวกผีเฝ้าประตู สัมพเวสีพวกนี้คุณจะพบเค้าได้ตั้งแต่ประตูรถเปิดออกเลยครับ คนพวกนี้ จะยืน ออกันหน้าประตูรถ (ดีกว่า ออหน้ากระได หน่อยนึง อิอิ) ทั้งที่ภายในรถมันว่าง ก็ไม่เข้าไป พอประตูรถเปิดปั๊ป คุณจะสบตากับพวกเค้าเหล่านั้นได้ทันที สายตาพวกเค้าจะเหม่อลอย ประหนึ่งเหมือนคิดในใจว่า "อา...ประตูเปิด.....(นิ่ง...ไม่ขยับเข้าไป) อา....ประตูปิด" ไม่รู้ไม่ชี้ กับสายตาของผมที่ส่งกระแสจิตไปว่า ทำไมมึงไม่ขยับเข้าไป(วะ)ครับ

2. พอเข้าไปสู่ขบวนรถแล้ว คุณจะพบ เสาตรงกลาง และ ราวด้านบนเพื่อให้ผู้โดยสารเกาะยึดไว้ ทีนี้ คุณจะพบกับ "ผี เฝ้า เสา" สัมพเวสีประเภทนี้จะไม่ไปไหนครับ ส่วนใหญ่มือจะถือโทรศัพท์ หรืออะไรสักอย่างประมาณว่ามือกรูไม่ว่าง แล้วยืนพิงเสาตรงกลางนั่นแหละ พิงเอาไว้ นึกภาพนะครับ คนที่ไม่สามารถจับห่วงจับที่ห้อยลงมาจากราวได้ เค้าจะจับอะไร ถ้ามี ผีพิงเสา อยู่แบบนี้ ผมคิดในใจว่า ถ้ารถเบรคแล้วผมจับหูมันเพื่อยึดตัวเอาไว้ มันจะด่าผมมะ อ่ะ ก็ในเมื่อมึงพิงเอาไว้คนเดียว จะให้คนอื่นเกาะตัวมึงเรอะไง ถ้าเกิดผมล้มหรือเซ ไปจับโดน ก้น คนอื่นงี้ มันรับผิดกะผมมะ ว่าผมเซเพราะไม่มีที่เกาะ เพราะมันยืนพิงเอาไว้ จะเอามือแทรกเข้าไประหว่างตัวมันกะเสาก็ยังไงอยู่ ไอ้ครั้นจะยืมติ่งหูมัน มันก็คงไม่ให้ จะไปจับห่วงเดียวกะคนข้าง ๆ มันก็อาจจะคิดว่า ผมคิดเกินเลยกะมัน สรุป ต้องฝึกเล่นวินเซิร์ฟ อาจช่วยการทรงตัวโดยไม่จับอะไรเลยได้ แต่ว่า ถ้ายืนท่าเล่นวินเซิร์ฟ บนรถไฟฟ้าจะเกิดอะไรขึ้น!! นึกภาพตามโดยด่วน มีคนๆ นึง ยืนถ่างขาพอประมาณ ย่อตัวลงนิดหน่อย แล้วกางแขนสองข้างอีกนิด....อืมมมม แม่งบ้า 555 จะไปทำงั้นได้ไง สรุปแล้ว ผีเฝ้าเสา เห็นแก่ตัวกว่า ผีเฝ้าประตูอีกนะผมว่า

3.ประเภทนี้ทรมารในคนแน่นอน...ผีเน่า คือแบบว่า รถไฟฟ้า แอร์เย็นๆ คนแน่นๆ แล้วมีกลิ่นบางอย่าง กระโดดถีบจมูกของคุณอย่างรุนแรง ใช่ครับ กลิ่นตัว บางคนเหม็นแบบกลั้นหายใจนิดๆ หน่อยๆ พอไหว แต่บางคน ขวาตายซ้ายสลบ ไม่ใช่หมัดนะครับ เต่า หรือ สิ่งที่ผมเรียกว่า จุ๊กกุแร้ นั่นเอง เวลาเจอคนแบบนี้ ผมอยากจะแปลงร่างเป็น พี่ ปั๊ป โปเตโต้ แล้วฮัมเพลง ออกมาขับกล่อมผู้โดยสารว่า..."ฉันมันคนโง่ เหนือใครๆ มี รัก แร้ อยู่ ดูแล ไม่ด้ายยยยยย" แทบจะขาดใจกันเลยทีเดียว แล้วถ้ารถแน่นไม่สามารถขยับหนีได้ คุณคิดดูสิครับ ทรม๊านนนน ทรมาร จะกลั้นหายใจ จนกว่าจะถึง ก็คงไปหายมบาลก่อน แต่ถ้าหายใจเต็มที่ อาจะไปหายมบาลแบบเร็วกว่า ลำบากใจครับ วิธีแก้ปัญหาของผมคือ พยายามหันไปทางอื่น ถ้าหันไม่ได้ ก็กลั้นหายใจ ใช้อากาศให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น หันเฉพาะหน้าไปสูดอากาศเต็มที่แล้วทำเหมือนดำน้ำ เอาตัวรอดมาได้ อิอิอิ

พอเท่านี้ก่อนดีกว่า คราวหน้าเจออะไรใหม่ๆ จะเอามาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ ส่วนท่าน เขียดผู้มีแกก ที่เข้ามาอ่านหรือ พลัดหลง หรือถูกบังคับให้อ่านทั้งหลาย ถ้ามีประสบการณ์ ก็แชร์กันได้เลยครับ ยินดีครับ อิอิ

รูปประกอบไม่มี เอาไว้แก้ผ้า เอ้ย แก้ตัว คราวหน้าละกันนะครับ :)